ในบทความที่แล้ว เราได้กล่าวถึงผลกระทบของการคว่ำบาตรต่อรัสเซียที่มีต่อตลาดน้ำมันและก๊าซ ควบคู่ไปกับการผันผวนของสินค้าโภคภัณฑ์ 

ในอดีต เหตุการณ์สงครามมักมาพร้อมกับราคาทองคำที่สูงขึ้น การรุกรานรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ได้กระตุ้นให้ราคาน้ำมันและโลหะอุตสาหกรรมปรับตัวสูงขึ้น 

รัสเซียเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตแพลเลเดียมและแพลตตินั่มอันดับต้น ๆ ของโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อันดับสามของโลก ซึ่งปัจจัยนี้บวกกับความผันผวนของตลาดการเงินต่อเนื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการประกาศของสหรัฐฯ ในการสกัดกั้นการทำธุรกรรมเกี่ยวกับทองคำ ร่วมกับ G7 และพันธมิตรสหภาพยุโรป 

Bob Haberkorn นักยุทธศาสตร์การตลาดอาวุโสของ RJO Futures กล่าวว่า

“เราอาจเห็นการอ่อนตัวของทองคำหากมีข่าวเชิงบวกจากความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน แต่ผมคิดว่าผู้ค้าจะมองว่าเป็นโอกาสในการซื้อเนื่องจากความกลัวเรื่องเงินเฟ้อ”

ตลาดทองคำตอบสนองต่อสถานการณ์การบุกรุกอย่างไร

ผู้เชี่ยวชาญตลาดกล่าวว่าความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่นั้นกำลังสร้างมูลค่าเพิ่มในราคาทองคำจากสงคราม และยังคงเป็นเช่นนี้อยู่ ตราบใดที่ความขัดแย้งยังคงดำเนินต่อไป

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 สปอตทองคำร่วงลงตามที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้เกี่ยวกับวิกฤตในยูเครนรน หลังจากที่กองกำลังรัสเซียโจมตีประเทศตามคำสั่งของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน 

ทองคำซื้อขายล่าสุดที่ 1,897.76 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ลดลง 0.5% ในวันก่อนหน้า ช่วงเช้า ราคาโลหะมีมูลค่าการซื้อขายที่ $1,968.01 ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 3.17% และสูงที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2020 เนื่องจากนักลงทุนเข้าลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยและตลาดตราสารทุนทั่วโลกร่วงลงสู่ระดับสีแดง 

ในเวลาเดียวกัน ราคาทองคำฟิวเจอร์สของสหรัฐลดลง 0.5% ที่ 1,899.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำเพิ่มขึ้นประมาณ 5.5% ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2020 

ในรายงานวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2565 หัวหน้าฝ่ายวิจัยการตลาดและเศรษฐศาสตร์โลกของธนาคารยูโอบี เฮง คูณ ฮาว สังเกตว่าราคาสปอตทองคำที่พุ่งขึ้นในวันที่ 8 มีนาคมนั้นใกล้เคียงกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $2,072 เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2563 “การเคลื่อนไหว ( เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2565) ถูกกระตุ้นโดยการประกาศของทำเนียบขาวในการเริ่มต้นการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ในการส่งออกพลังงานของรัสเซีย 

ในช่วงเวลานี้ ทองคำทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แตะระดับสูงสุดที่ 2,069 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันที่ 8 มีนาคม 2565 หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซีย ตามที่เห็นข้างต้น ทองคำซื้อขายที่ประมาณ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนรัสเซียจะบุกยูเครนเมื่อสองสัปดาห์ก่อน โดยกำหนดส่วนต่างไว้ที่ 169 ดอลลาร์ 

โลหะสีเหลืองได้เพิ่มขึ้น 9% ปิดที่ 1,997 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันที่ 9 มีนาคม 2565 เนื่องจากนักลงทุนฝากเงินสดไว้ในทองคำ เนื่องจากทองคำถือเป็นที่สินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน 

เมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2565 ทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นได้เพิ่มมูลค่าให้กับโลหะมีค่า 

ราคาทองคำสปอตเพิ่มขึ้น 0.1% สู่ระดับ 1,976.56 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 14:09 น. ET หลังจากที่แตะระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2565 ที่ 1,998.10 ดอลลาร์ ราคาทองคำฟิวเจอร์สของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 0.6% ที่ 1,986.4 ดอลลาร์ 

ณ วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2565 ทองคำร่วงลง 1.7% สู่ระดับ 1,897.01 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าของสหรัฐปิดตัวลงเกือบ 2% ที่ 1,896 ดอลลาร์ 

การวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับทองคำ 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาทองคำได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 40 ดอลลาร์ เป็นการเร่งแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนซึ่งเริ่มขึ้นในสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม 

“ทองคำพุ่งขึ้นเหนือ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่นักลงทุนประเมินผลที่ตามมาทางการเมืองและเศรษฐกิจจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย” 

Kshitij Purohit หัวหน้าฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงิน CapitalVia Global Research กล่าว 

“มีเหตุผลมากมายที่เชื่อได้ว่าราคาทองคำจะพุ่งขึ้น อย่างน้อยก็เป็นปัญหาทางภูมิศาสตร์การเมือง วิกฤตในยูเครนยังคงสร้างความวิตกกังวลอย่างมาก และเป็นผลให้ผู้คนแห่กันไปที่สินทรัพย์ด้านความปลอดภัย” 

จากข้อมูลของ Tapan Patel นักวิเคราะห์อาวุโส (สินค้าโภคภัณฑ์) หลักทรัพย์ HDFC:

“โลหะสีเหลืองปรับตัวขึ้นจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ในขณะที่โลกตะวันตกกำลังครุ่นคิดที่จะคว่ำบาตรรัสเซียที่รุนแรงขึ้น รวมถึงการห้ามนำเข้าน้ำมันด้วย” 

นอกจากนี้ รองประธานฝ่ายวิจัยของ IIFL Securities Anuj Gupta กล่าวว่า

“ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างรัสเซียและยูเครนมีบทบาทสนับสนุนราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมนี้ส่งผลเสียต่อตลาดตราสารทุนทั่วโลก” 

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการห้ามทำธุรกรรมดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้กับมาตรการคว่ำบาตรกับผู้ที่ซื้อขายทองคำกับรัสเซีย 

“เป็นอีกวิธีหนึ่งในการปิดช่องโหว่ของการคว่ำบาตร และเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อหน่วยงานของรัสเซีย”  

Rachel Ziemba ผู้ช่วยอาวุโสของ Center for a New American Security กล่าวกับสำนักข่าว The Associated Press

นอกจากนี้ ราคาทองคำขยับขึ้นในช่วงท้ายของเซสชั่นโดยการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีและการเพิ่มขึ้นในสกุลดอลลาร์ ซึ่งทำให้ความต้องการทองคำในกลุ่มผู้ซื้อต่างประเทศลดลง 

David Meger ผู้อำนวยการฝ่ายซื้อขายโลหะที่ High Ridge Futures กล่าวว่า

“ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยอันเนื่องมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ทำให้เพิ่มความต้องการทองคำมากขึ้น” 

แม้ว่าความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นจะช่วยกระตุ้นราคาของทองคำ แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อปรับราคาให้สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการโลหะเนื่องจากค่าเสียโอกาสที่สูงขึ้นในการถือทองคำแท่งที่ไม่ให้ผลตอบแทน 

“จากมุมมองทางเทคนิค สปอตทองคำอาจเผชิญกับแนวต้านเล็กน้อยเมื่อขึ้นไปเหนือ 2,000 ดอลลาร์… อย่างไรก็ตาม ความสามารถของทองคำในการรักษาระดับให้เหนือ 2,000 ดอลลาร์อาจตึงเครียดเมื่อผลตอบแทนจริงเข้าสู่แดนบวก”

Han Tan หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของ Exinity กล่าว 

อ่านบทความ จากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เกิดอะไรขึ้นกับตลาดการเงิน และ เศรษฐกิจโลก ? เพื่อเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นของสาเหตุของความขัดแย้งที่มีความเสี่ยงสูงในตลาดการเงินระหว่างประเทศ