ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าพร้อมกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่ใช่ข่าวที่ดีนักกับเศรษฐกิจโลก ในช่วงนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ามาก โดยแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักและสกุลเงินของตลาดเกิดใหม่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007 ซึ่งทำให้นักลงทุนบางรายกังวลว่าจะเกิดวิกฤติการเงินในปี 2008 อีกครั้งหรือไม่
ปัจจัยเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนที่นักลงทุนอย่างเราไม่ควรมองข้าม เนื่องจากสิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงสถานะปัจจุบันของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อีกทั้งยังสะท้อนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจโลกด้วย
ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงสาเหตุที่ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า วิเคราะห์ผลกระทบของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น และอภิปรายถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลก
ดอลลาร์สหรัฐหรือยูโรจะถูกลดบทบาทและอำนาจลงหรือไม่
จากข้อมูลการชำระเงินระหว่างประเทศของ SWIFT เราจะเห็นได้ว่ายูโรถูดลดอำนาจในการชำระเงินทั่วโลกลง ซึ่งไม่ได้เกิดกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนแบ่งของเงินยูโรในการชำระเงิน SWIFT ทั่วโลกลดลงจาก 38% เมื่อต้นปีเป็น 23% ในเดือนสิงหาคม สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า SPFS ของรัสเซีย (ระบบสำหรับการโอนข้อความทางการเงิน) และ CIPS ของจีน (ระบบการชำระเงินระหว่างธนาคารข้ามพรมแดน) อาจกินส่วนแบ่งการตลาดของเงินยูโร ในทางกลับกัน ส่วนแบ่งการชำระเงิน SWIFT ของจีนแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.47% ในเดือนสิงหาคม
นอกจากนี้ยังมีเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งของดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันนั้นด้วย สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าส่วนแบ่งการตลาดส่วนใหญ่ที่ลดลงนั้น เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นผู้ครองไปแทน อาจเป็นเพราะขณะนี้ยุโรปชำระค่าน้ำมันดิบและก๊าซเป็นดอลลาร์สหรัฐแทนเงินยูโร
เนื่องจากน้ำมันพุ่งขึ้นมากกว่า 25% ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา แรงกดดันจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อ่านบทความของเราเกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นในเร็วๆ นี้ น้ำมันพุ่งขึ้น 15% ในเดือนกรกฎาคม เงินเฟ้อจะกลับมาหรือไม่
มีแนวโน้มว่าส่วนแบ่งการชำระเงิน SWIFT ของเงินยูโรจะยังคงลดลงต่อไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากยุโรปหลีกเลี่ยงการติดต่อกับประเทศจีน จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของยุโรป แต่เนื่องจากสงครามในยูเครนและการที่จีนสนับสนุนรัสเซียได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายตึงเครียด หากยุโรปลดการค้ากับจีน ก็จะลดความต้องการเงินยูโรด้วย
การลดบทบาทของเงินยูโรในการชำระเงินทั่วโลกถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญ แสดงให้เห็นว่าอำนาจของเงินดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินเพื่อการชำระเงินระดับนานาชาตินั้น จริงๆ แล้วไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่เคย
ปัญหาของเงินยูโรอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ดอลลาร์สหรัฐอาจจะเป็นรายถัดไป เนื่องจากระบบการชำระเงินทางเลือกที่เพิ่มขึ้น เช่น SPFS และ CIPS มีแนวโน้มที่สั่นคลอนอำนาจของเงินดอลลาร์สหรัฐในอนาคตที่ใกล้จะถึงนี้
ยุคของเงินดอลลาร์สหรัฐ
ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2023 ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าครอบงำทั้งตลาด โดยเกือบทุกสกุลเงินในโลกอ่อนค่าลงเมื่อต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง
ในระดับประเทศ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้บริษัทต่างๆ กู้ยืมเงินหรือเพิ่มรายได้ได้ยากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาหุ้นลดลง ในระดับนานาชาติ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าอาจทำให้ประเทศตลาดเกิดใหม่ชำระหนี้และนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกาได้ยากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่วิกฤตการเงินโลก
ในช่วง 80 ปีที่ผ่านมา เมื่อใดก็ตามที่เฟดดำเนินโยบายการเงินแบบเข้มงวดด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นส่งผลให้ตลาดล่มสลายและผลักให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
ประธานพาวเวลล์จะสร้างความเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เฟดได้รับบทเรียนในการหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้วหรือยัง
นักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนจำนวนมากเชื่อว่าเฟดกระทำสิ่งที่ส่งผลต่อความเสี่ยงมากเกินไปโดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ มากกว่าจะต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อได้
อย่างไรก็ตาม เฟดยังคงเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการลดอัตราเงินเฟ้อ และกล่าวว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงตราบเท่าที่จำเป็นจนกว่าจะถึงเงินเฟ้อจะถึงเป้าหมาย 2%
อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ กำลังชะลอตัวลงหรือไม่?
อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ กำลังชะลอตัวลงและหายไปเร็วกว่าค่าเฉลี่ยอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เฟดไม่ควรชะล่าใจ เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจทำให้เกิดผลกระทบเรื่องเงินเฟ้ออีกครั้ง
ตัวอย่างของการ “ชะล่าใจ” เกิดในช่วงกลางทศวรรษ 1970 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ ลดลงจาก 12% เหลือ 5% ในช่วงกลางทศวรรษที่ 70 ซึ่งดูเหมือนว่าปัญหาเงินเฟ้อดูจะผ่านไปแล้ว เฟดจึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากจุดสูงสุดที่ 13% ในปี 1974 เหลือ 4.75% ในช่วงต้นปี 1976 อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้กลายเป็นความผิดพลาดร้ายแรง ตั้งแต่ปี 1977 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นเป็นเวลาสามปีติดต่อกัน โดยอยู่ที่จุดสูงสุดที่ 14.8%
ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อเร็วๆ นี้ทำให้โอกาสที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งกลับมาสูงกว่า 4% อีกครั้ง
การจ่ายดอกเบี้ยของสหรัฐฯ
การจ่ายดอกเบี้ยหนี้สหรัฐฯ คาดว่าจะสูงถึง 2.70 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 โดยอิงจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นในปัจจุบัน ซึ่งสูงกว่าการจ่ายดอกเบี้ยรายปี 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐถึง 90 เท่าซึ่งสหรัฐฯ จะต้องจ่ายหากรีไฟแนนซ์หนี้ในปี 2021
ลองคิดว่าสหรัฐฯ ต้องรีไฟแนนซ์หนี้ทั้งหมดที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปัจจุบัน การจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมดจะมีมูลค่ารวมสูงถึง 1.33 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 5% ของ GDP ของสหรัฐอเมริกา!
แน่นอนว่าสหรัฐฯ ไม่จำเป็นต้องรีไฟแนนซ์หนี้ทั้งหมดในครั้งเดียว แต่เนื่องจากหนี้เกือบครึ่งหนึ่งของสหรัฐฯ จะครบกำหนดชำระในอีกสามปีข้างหน้า และประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ได้บอกเป็นนัยว่าอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจะลดลง สหรัฐฯ จึงจะ “ล็อค” การจ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม ไม่น่าเป็นไปได้ที่เฟดจะประสบความสำเร็จในการรักษาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไว้ที่ระดับปัจจุบันได้นาน เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งหมายความว่าการจ่ายดอกเบี้ยหนี้สหรัฐมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
Yield Curve Inversion
Yield Curve Inversion เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่ออัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาว โดยทั่วไปสิ่งนี้จะถูกมองว่าเป็นสัญญาณของภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังจะเกิดขึ้น เนื่องจากเป็นการบ่งชี้ว่านักลงทุนไม่มั่นใจกับอนาคตของเศรษฐกิจ
ในอดีต Yield Curve Inversion เป็นตัวบ่งบอกภาวะถดถอยที่น่าเชื่อถือ อีกทั้ง การเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทุกครั้งในสหรัฐอเมริกานับตั้งแต่ปี 1955 มีสัญญาณเตือนจาก Yield Curve Inversion ขึ้นก่อนทุกครั้ง
Yield Curve Inversion ครั้งปัจจุบันมีความสำคัญที่สุดนับตั้งแต่ปี 1981 อีกทั้งยังเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย
Yield Curve Inversion เริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม 2022 เมื่ออัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีสูงกว่าอัตราผลตอบแทนอายุ 10 ปี และเป็นเช่นนั้นเรื่อยมา ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทน 2 ปีและ 10 ปีได้กว้างขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
วิธีเดียวที่จะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้คือให้เฟดออกแบบระบบ Soft Landing อย่างไรก็ตาม นโยบายที่เข้มงวดในปัจจุบันทำให้ยากนักที่เกิดการ Soft Landing ขึ้น
ปัญหาของเฟด
ในอดีต เราได้มาถึงจุดที่การเข้มงวดทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
Fed กลับมาอยู่ในจุดที่ยากลำบากอีกครั้ง เนื่องจากต้องตัดสินใจว่าควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อลงสู่เป้าหมาย 2% แม้ว่าอาจจะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่? หรือควรปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงเพื่อปกป้องตลาดหุ้น?
เนื่องจากธนาคารกลางต่างต้องการการชะลอตัวแบบ Soft Landing เฟดจึงควรปรับนโยบายและหลีกเลี่ยงการกล่าวถึง “ขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นเป็นเวลานานขึ้น” ในการประชุม FOMC ที่กำลังจะมีขึ้น การขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวอาจทำให้หุ้นได้หายใจหายคอได้สะดวกยิ่งขึ้น และดอลลาร์และพันธบัตรรัฐบาลจะลดลงในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันยังคงสูงขึ้น เฟดอาจถูกบังคับให้ละทิ้งความหวังที่จะชะลอเศรษฐกิจแบบ Soft Landing และไปต่อสู้กับเงินเฟ้อ แม้ว่าอาจจะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม
| เกี่ยวกับ Doo Prime
เครื่องมือการซื้อขายของเรา
หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น
Doo Prime เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับนานาชาติภายใต้บริษัท Doo Group ที่ให้นักลงทุนมืออาชีพได้ซื้อขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีหุ้น ปัจจุบัน Doo Prime มอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้ลูกค้ามากกว่า 90,000 คน โดยมีอัตราการซื้อขายเฉลี่ย 51,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน
Doo Prime มีใบอนุญาตจากเซเชลส์ เมอริเชียส วานูอาตู โดยมีสำนักงานในดัลลัส ซิดนีย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ และอีกหลายสำนักงานทั่วโลก
ด้วยเทคโนโลยีการเงินที่สมบูรณ์แบบ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง และทีมที่มีประสบการณ์ Doo Prime ให้ประสบการณ์การซื้อขายที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้ราคาการซื้อขายที่ดี รวมไปถึงวิธีการฝาก-ถอนที่รับรอง 22 สกุลเงิน อีกทั้ง Doo Prime ยังให้การบริการลูกค้าในหลากหลายภาษาตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถทำการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์ม MT4, MT5, TradingView, และ InTrade ที่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 10,000 รายการ
วิสัยทัศน์และภารกิจของ Doo Prime คือการเป็นองค์กรเทคโนโลยีการเงินในฐานะโบรกเกอร์ด้านการลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินระดับโลก
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Doo Prime โปรดติดต่อ
โทรศัพท์
ยุโรป : +44 11 3733 5199
เอเชีย : +852 3704 4241
เอเชีย – สิงคโปร์: +65 6011 1415
เอเชีย – จีน : +86 400 8427 539
อีเมล
ฝ่ายบริการด้านเทคนิค th.support@dooprime.com
ฝ่ายขาย th.sales@dooprime.com
ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)
ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)
บทความนี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement) ปรากฏอยู่ เช่นคำว่า “คาดการณ์ว่า” “เชื่อว่า” “ต่อไป” “สามารถ” “ประมาณ” “คาดว่า” “หวังว่า” “ตั้งใจว่า” “อาจจะ” “วางแผนว่า” “มีแนวโน้มว่า” “คาดเดาว่า” “ควรจะ” หรือ “จะ” หรือข้อความอื่น ๆ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในข้อความที่ไม่มีคำลักษณะนี้ปรากฏอยู่มิได้แสดงว่าข้อความเหล่านี้ไม่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความเกี่ยวกับความคาดหวัง ความเชื่อ แผนการ จุดประสงค์ ข้อสันนิษฐาน เหตุการณ์ในอนาคต และการกระทำในอนาคตของ Doo Prime จะเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต
Doo Prime ใช้ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอ้างอิงมาจากข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ ความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผน Doo Prime เชื่อว่าความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผนเหล่านั้นสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการคาดหมายและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สามารถรับรู้และไม่สามารถรับรู้ได้ แต่หลายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของ Doo Prime ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ และการกระทำที่แตกต่างจากที่ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้แสดงออกหรือแสดงนัยไว้
Doo Prime ไม่รับรองหรือรับประกันความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง หรือความสมบูรณ์ของข้อความเหล่านั้น Doo Prime ไม่มีหน้าที่ส่งข้อมูลหรือแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้
การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง
การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย
โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง
ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย
ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล