นักลงทุนควรเข้าซื้อหรือไม่ กับกระแส NVDA และ SMCI มาแรง

2024-02-22 | NVDA ,SMCI

ด้วยพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของตลาดหุ้น ทำให้ปัจจุบันอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อยู่ในจุดสูงสุดตลอดกาล โดยที่มีบริษัทโดดเด่นอย่าง Super Micro Computer Inc (SMCI) และ Nvidia (NVDA) การเพิ่มขึ้นแบบเอ็กซ์โพเนนเชียลนี้ กระตุ้นให้เกิดการหาเหตุผลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นในครั้งนี้ อดีตได้เตือนเราไว้ว่าการขึ้นที่รุนแรงเช่นนี้แม้จะน่าตื่นเต้น แต่ก็มักจะนำไปสู่การย่อตัวของราคาซึ่งจะสร้างแรงขายในท้ายที่สุด 

บทความนี้จะเจาะลึกถึงจิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลังความคลั่งไคล้เซมิคอนดักเตอร์ โดยพิจารณาถึงความยั่งยืนของบริษัทอย่าง NVDA ท่ามกลางกระแสราคาที่เพิ่มขึ้น และตั้งคำถามที่สำคัญเกี่ยวกับการคาดการณ์อนาคตของอุตสาหกรรม 

ระยะของภาวะฟองสบู่

ฟองสบู่หรือความคลั่งไคล้ทางการเงิน มักเป็นไปตามรูปแบบที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ซึ่งกำหนดรูปแบบโดยประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ 500 ปี แม้ว่าแต่ละวิกฤษจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่โดยทั่วไปแล้วฟองสบู่ในแต่ละครั้งจะมีลักษณะคล้ายๆ กันอยู่ 4 ขั้นตอน:

  1. ช่วง Stealth Phase 

ในตอนแรก นักลงทุนที่เชี่ยวชาญจะรับรู้ถึงโอกาสที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และความสามารถที่จะทำผลกำไรได้อย่างมหาศาลในอนาคต โดยเรียกกลุ่มนี้ว่าเป็น “เจ้ามือ (Smart Money)” กลุ่มนี้จะลงทุนอย่างระมัดระวังโดยมีสมมติฐานที่เป็นการเก็งกำไร ราคาจะสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างเงียบๆ และคนส่วนใหญ่ในตลาดจะยังไม่ตระหนักถึง 

  1.  ช่วง Awareness Phase

เมื่อมีโมเมนตัมเพิ่มขึ้น นักลงทุนจำนวนมากก็เริ่มจับกระแสเทรน ซึ่งอัดฉีดเงินทุนเพิ่มและผลักดันราคาให้สูงขึ้น การขายออก (sell off) อาจจะมีในช่วงเวลาสั้นๆ เปิดโอกาสให้นักลงทุนในช่วงแรกได้ใช้ประโยชน์จากผลกำไร การรายงานข่าวของสื่อ (Media attention) เริ่มมีมากขึ้น โดยดึงดูดกลุ่มนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญน้อย 

  1. ช่วง Mania Phase

การรับรู้ของสาธารณชนเริ่มเข้ามามากขึ้น ซึ่งดึงดูดผู้คนในวงกว้างและทำให้พวกเขาคิดว่านี่เป็นโอกาสการทำกำไรครั้งเดียวในชีวิต ความคาดหวังถึงผลกำไรในอนาคตนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัย โดยมีสาเหตุมาจากแนวคิดในการอนุมานเชิงเส้น เงินหลั่งไหลเข้ามาอย่างท่วมท้น ส่งผลให้ราคาพุ่งไปสู่ระดับสูงสุดตลอดการณ์ โดยที่สาธารณชนไม่รู้ตัวเลยว่าตกอยู่ในหลุมพรางอยู่ และ “เจ้ามือ (Smart Money)” จะเริ่มออกเทขายออกอย่างเงียบๆ 

  1. ช่วง Blow-off Phase

ถึงจุดสุดยอดของฟองสบู่เมื่อช่วงเวลาแห่งการตระหนักรู้ได้กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนของเทรนในตลาด ความเชื่อมั่นเริ่มสั่นคลอน และแรงขายก็เข้ามามากขึ้น ฟองสบู่จะแตกอย่างรวดเร็ว โดยที่ราคาจะดิ่งลงอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับแรงซื้อในช่วงแรก ผู้เข้ามาลงทุนตอนหลังจะพบว่าตัวเองถือครองสินทรัพย์ที่เสื่อมราคาไปแล้ว ในขณะที่กลุ่ม Smart Money ได้ขายออกไปหมดแล้ว 

สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงขั้นตอนเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคาอย่างเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ผลกระทบของฟองสบู่จะขยายวงกว้างไปไกลกว่าตลาดการเงิน โดยส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อจิตวิทยาของมนุษย์ ขณะที่เรากำลังเจาะลึกถึงเรื่องราวความสำเร็จของ NVDA และ SMCI นักลงทุนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจขั้นตอนเหล่านี้ โดยพิจารณาถึงอิทธิพลที่อาจเกิดขึ้นต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและจิตใจของนักลงทุน ซึ่งปัจจัยต่างๆ เช่น ความโลภ (Greed) และความรู้สึกหลงผิด (Delusion) สามารถเข้ามามีบทบาทได้ 

พิจารณาความสำเร็จของ Nvidia

จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI การรายงานผลประกอบการรายไตรมาสล่าสุดของ Nvidia เผยให้เห็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งถึง 3 เท่า และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจที่ 12 เท่า เมื่อเทียบเป็นรายปี จำนวนหุ้นต่อกำไรมีการเติบโตแบบทวีคูณ โดยเพิ่มขึ้น 854% ในไตรมาสที่สอง และเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดที่ 1,274% ในไตรมาสที่สาม 

ในไตรมาสที่สาม อุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง 279% เมื่อเทียบเป็นรายปี รวมมูลค่า 14,514 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมกลุ่มเกมก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยการเพิ่มขึ้น 81% เมื่อเทียบเป็นรายปี สร้างรายได้ 2,856 ล้านเหรียญสหรัฐ 

ความสำเร็จสำคัญ และความต้องการซื้อ (Demands) ที่เพิ่มขึ้น

การขึ้นของราคาหุ้น Nvidia นั้นไม่ได้เป็นเพียงประวัติศาสตร์ เพราะเมื่อสะท้อนจากมูลค่าตลาดที่สูงถึง 1.83 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแซงหน้ายักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Amazon และ Google ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา หุ้นของ Nvidia ได้เพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจถึง 17,000% ทำให้หุ้นตัวนี้มีผลงานที่โดดเด่นใน S&P 500 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายและผลกำไรจะออกมาดีเป็นไตรมาสที่สามติดต่อกัน ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Nvidia ในกลุ่มอุตสหากรรมเซมิคอนดักเตอร์ 

ปริมาณจำนวนสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของ Nvidia มีความเชื่อมโยงอย่างชัดเจนกับเทรนและความต้องการในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ GPU นักวิเคราะห์ของ Bank of America ชื่อ Ruplu Bhattacharya อ้างว่ารายได้มากกว่า 50% ของ Nvidia เชื่อมโยงกับตัวเร่งความเร็ว อย่างเช่น GPU อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ความขาดแคลน GPU ในตลาดได้ผลักดันให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ธุรกิจชิปเซมิคอนดักเตอร์กำลังเผชิญกับความท้าทาย และบริษัทไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะผลิตสินค้าเป็นจำนวนมากเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความไม่พร้อมนี้เห็นได้ชัดเจนจากการวางแผนในระยะยาว โดยจะมีการจัดสรรชิปล่วงหน้าหลายปี 

แม้ว่าการพุ่งขึ้นนี้จะผลักดันราคาให้สูงขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ แต่ก็มีความเสี่ยงที่ตลาดจะปรับฐานได้เช่นกัน ลักษณะกึ่งวัฏจักรของภาคเซมิคอนดักเตอร์แสดงให้เห็นว่าการขึ้นครั้งนี้อาจเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น โดยอุปสงค์อาจลดลงอย่างรวดเร็วได้ด้วย 

บทเรียนในอดีตของ CISCO

เพื่อให้บริบทเกี่ยวกับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้น การมองภาพให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ถือเป็นสิ่งสำคัญ การเปรียบเทียบกันระหว่างหุ้น Cisco ในช่วงวิกฤษดอทคอมในปี 2000 กับราคาในปัจจุบันของ Nvidia ทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจ เช่นเดียวกับ Nvidia ราคาของหุ้น Cisco ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและตามมาด้วยแรงขายครั้งใหญ่ ข้อมูลอ้างอิงทางประวัติศาสตร์นี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจ โดยกระตุ้นให้นักลงทุนระมัดระวังกับการขึ้นของราคา Nvidia ในครั้งนี้ 

การเพิ่มขึ้นของ SMCI และความท้าทายที่เกิดขึ้น 

มีเพียงหุ้นไม่กี่ตัวในปี 2024 ที่มีการเริ่มต้นที่โดดเด่นกว่า Super Micro Computer, Inc. (SMCI) เพราะบริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพในภาคสถาปัตยกรรมแบบโมดูลาร์ ทำให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าทึ่ง โดยทะยานขึ้นถึง 139.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2024 เมื่อมองย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น ในปี 2023 SMCI มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นที่ 730.2% 

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของตลาดเมื่อเร็วๆ นี้ได้นำเสนอภาพที่ตรงข้ามสำหรับ SMCI เนื่องจากหุ้นมีการกลับตัวลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดแรงขายออกอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2024 หุ้นของ Super Micro Computer ตกต่ำลง หลังจากแตะระดับ 1,000 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตลอดกาลในเช้าวันนั้น การเปลี่ยนแปลงทิศทางอย่างกะทันหันนี้ส่งผลให้นักลงทุนเข้าสู่ช่วงสับสน เพราะหุ้นได้เปิดในราคาที่สูงในตอนแรก แต่การเพิ่มขึ้นกลับหายไปภายในครึ่งชั่วโมงแรกของการซื้อขาย 

ในการซื้อขายช่วงกลางวัน หุ้น SMCI ลดลงประมาณ 12% พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นเกือบหกเท่าของค่าเฉลี่ย การกลับตัวเป็นขาลงนี้ทำให้เกิดความกังวลในหมู่นักลงทุน ซึ่งบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ต่อความเชื่อมั่นของตลาด 

นักวิเคราะห์แนะนำว่าการเคลื่อนไหวที่รุนแรงเช่นการขึ้นอย่างน่าทึ่งของ SMCI ไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดราคาหุ้นได้เพิ่มขึ้นสามเท่าจากการทะลุ 357 ในเดือนมกราคม และการชะลอตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้อาจส่งสัญญาณถึงความจำเป็นที่ต้องระมัดระวัง ขณะนี้นักลงทุนต้องตัดสินใจ โดยพิจารณาว่าจะทำกำไรท่ามกลางสัญญาณกลับตัวหรือไม่ 

ตัวชี้วัดหลายตัวชี้ไปที่ลักษณะของจุดสูงสุดของราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของ SMCI ราคาหุ้นต้องพุ่งขึ้น 18 วันจาก 20 วันที่ผ่านมาเพื่อแตะจุดสูงสุด ท่ามกลางการซื้อขายที่หนาแน่นและส่วนต่างราคาที่กว้างมากขึ้น นอกจากนี้ การอยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันมากกว่า 200% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันมากกว่า 100% เป็นการตอกย้ำถึงความร้อนแรงที่อาจจะมากเกินไปของหุ้น การขึ้นในระยะสุดท้ายมีแนวโน้มที่จะล้มเหลวมากกว่าการขึ้นในระยะเริ่มต้น สิ่งนี้สามารถเพิ่มการพิจารณาอีกชั้นหนึ่งสำหรับนักลงทุน SMCI 

SMCI เผชิญกับการกลับตัวและสัญญาณที่เป็นไปได้ของการถึงจุดสูงสุดของราคา นักลงทุนที่มีความกระตือรือร้นจะต้องประเมินสถานะของตนอย่างรอบคอบ และพิจารณาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นเมื่อเร็วๆนี้ 

อนาคตของ NVDA และ SMCI 

ในขณะที่ Nvidia เตรียมรายงานผลประกอบการไตรมาสสี่ของปีงบประมาณ 2024 ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นักวิเคราะห์ก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับการรายงานผลประกอบการครั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าจะมีรายรับอยู่ที่ 20.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับไตรมาสสุดท้าย ซึ่งมากกว่าสามเท่าของรายรับจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รายได้สุทธิคาดว่าจะสูงถึง 10.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 1.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่สี่ของปีงบประมาณ 2023 โดยมีกำไรต่อหุ้น (EPS) โดยประมาณอยู่ที่ 4.18 ดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับ 57 เซนต์ในช่วงเดียวกันของปีก่อน  

โดยสรุป แม้ว่ากระแสเซมิคอนดักเตอร์จะพุ่งสูงขึ้น แต่การพิจารณาถึงความยั่งยืนก็ยังสำคัญสำหรับนักลงทุนอยู่ การพิจารณาถึงระยะ Mania และการทำความเข้าใจปัจจัยทางจิตวิทยาที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา ก่อนการประกาศผลประกอบการของ Nvidia และ SMCI นักลงทุนควรจับตาดูแนวโน้มของตลาดในวงกว้าง และเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ที่มีความผันผวน 

ธรรมชาติของวัฏจักรของตลาดและรูปแบบปรากฏการณ์ในอดีตเป็นเครื่องเตือนใจว่าทุกการเปลี่ยนแปลงอาจตามมาด้วยการปรับราคา แสดงให้เห็นความสำคัญของความรอบคอบและระมัดระวังท่ามกลางตลาดหุ้นที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แม้ว่าการเพิ่มขึ้นของหุ้นอย่างรวดเร็วอาจนำมาซึ่งความรู้สึกตื่นเต้น แต่การวางแผนขอบเขตที่ชัดเจนและมีเหตุผลท่ามกลางความผันผวนของตลาดถือเป็นพื้นฐานที่นักลงทุนต้องยึดถือไว้ 


| เกี่ยวกับ Doo Prime            

เครื่องมือการซื้อขายของเรา          

หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น         

Doo Prime เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับนานาชาติภายใต้บริษัท Doo Group ที่ให้นักลงทุนมืออาชีพได้ซื้อขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีหุ้น ปัจจุบัน Doo Prime มอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้ลูกค้ามากกว่า 130,000 คน โดยมีอัตราการซื้อขายเฉลี่ย 51,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน         

Doo Prime มีใบอนุญาตจากเซเชลส์ เมอริเชียส วานูอาตู โดยมีสำนักงานในดัลลัส ซิดนีย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ และอีกหลายสำนักงานทั่วโลก          

ด้วยเทคโนโลยีการเงินที่สมบูรณ์แบบ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง และทีมที่มีประสบการณ์ Doo Prime ให้ประสบการณ์การซื้อขายที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้ราคาการซื้อขายที่ดี รวมไปถึงวิธีการฝาก-ถอนที่รับรอง 22 สกุลเงิน อีกทั้ง Doo Prime ยังให้การบริการลูกค้าในหลากหลายภาษาตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถทำการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์ม MT4, MT5, TradingView, และ InTrade ที่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 10,000 รายการ          

วิสัยทัศน์และภารกิจของ Doo Prime คือการเป็นองค์กรเทคโนโลยีการเงินในฐานะโบรกเกอร์ด้านการลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินระดับโลก          

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Doo Prime โปรดติดต่อ          

โทรศัพท์          
ยุโรป : +44 11 3733 5199            
เอเชีย : +852 3704 4241             
เอเชีย – สิงคโปร์: +65 6011 1415            
เอเชีย – จีน : +86 400 8427 539              

อีเมล        
ฝ่ายบริการด้านเทคนิค th.support@dooprime.com            
ฝ่ายขาย th.sales@dooprime.com           

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)             

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)           

บทความนี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement) ปรากฏอยู่ เช่นคำว่า “คาดการณ์ว่า” “เชื่อว่า” “ต่อไป” “สามารถ” “ประมาณ” “คาดว่า” “หวังว่า” “ตั้งใจว่า” “อาจจะ” “วางแผนว่า” “มีแนวโน้มว่า” “คาดเดาว่า” “ควรจะ” หรือ “จะ” หรือข้อความอื่น ๆ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในข้อความที่ไม่มีคำลักษณะนี้ปรากฏอยู่มิได้แสดงว่าข้อความเหล่านี้ไม่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความเกี่ยวกับความคาดหวัง ความเชื่อ แผนการ จุดประสงค์ ข้อสันนิษฐาน เหตุการณ์ในอนาคต และการกระทำในอนาคตของ Doo Prime จะเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต            

Doo Prime ใช้ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอ้างอิงมาจากข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ ความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผน Doo Prime เชื่อว่าความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผนเหล่านั้นสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการคาดหมายและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สามารถรับรู้และไม่สามารถรับรู้ได้ แต่หลายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของ Doo Prime ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ และการกระทำที่แตกต่างจากที่ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้แสดงออกหรือแสดงนัยไว้           

Doo Prime ไม่รับรองหรือรับประกันความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง หรือความสมบูรณ์ของข้อความเหล่านั้น Doo Prime ไม่มีหน้าที่ส่งข้อมูลหรือแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้       

การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง          

การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย          

โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง      

ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย          

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล 

คลังความรู้IconBrandElement

article-thumbnail

2024-08-16 | คลังความรู้

VIX พุ่งขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างอิหร่าน-อิสราเอล:  ความกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหม่ 

VIX พุ่งขึ้นสู่ระดับที่ไม่เคยพบเห็นนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยช่วง COVID ทำให้ S&P 500 ดึงกลับมา 10% และก่อให้เกิดความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยอีกครั้ง

article-thumbnail

2024-07-18 | คลังความรู้

ความเชื่อมั่นต่อการพุ่งขึ้นของหุ้น Tesla

ราคาหุ้นของ Tesla ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย […]

article-thumbnail

2024-07-11 | คลังความรู้

ทิศทางที่ไม่แน่นอนของบิทคอยน์: ฤดูหนาวของคริปโตกลับมาอีกครั้ง? 

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา บิทคอยน์และตลาดคริปโตโดยรวมต้องเผช […]