
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยเงินบาทกลับมาเคลื่อนไหวอ่อนค่าในรอบ 16 ปีครั้งใหม่ที่ระดับ 38.46 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนปรับตัวมาอยู่ที่ 38.40 บาทต่อดอลลาร์ จากแรงหนุนเงินดอลลาร์หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐขยับขึ้นเหนือ 4.10% ต่อปี
วันที่ 20 ตุลาคม 2565 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า เงินบาทกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 38.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 16 ปีครั้งใหม่ (นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2549) ที่ 38.46 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 38.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทอ่อนค่าลงเช่นเดียวกับเงินเยน เงินหยวน และสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชีย ท่ามกลางแรงหนุนที่แข็งแกร่งของเงินดอลลาร์ฯ จากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐ โดยบอนด์ยีลด์อายุ 10 ปีของสหรัฐขยับขึ้นเหนือระดับ 4.10% ไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี เมื่อคืนที่ผ่านมา
อ้างอิง ประชาชาติธุรกิจ
ทองคำร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังพันธบัตรสหรัฐฯ พุ่ง

Investing.com – ราคาทองคำร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ในวันพฤหัสบดี เนื่องจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น และทำให้เกิดการเทขายอย่างหนักในตลาดโลหะ
อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ ในปัจจุบันอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินในปี 2008 เนื่องจากแนวโน้มของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทำให้นักลงทุนละทิ้งพันธบัตร สิ่งนี้ยังช่วยเพิ่มค่าเงิน ดอลลาร์ ให้แข็งค่าขึ้น ซึ่งดูเหมือนว่าจะทำกำไรเหนือการขาดทุนทั้งหมด
แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ากดดันราคาทองคำ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือทองคำสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อราคาทองคำในปีนี้
ราคา สปอตทองคำ ลดลง 0.1% ในวันพฤหัสบดีที่ 1,627.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ ทองคำฟิวเจอร์ส ลดลง 0.1% เป็น 1,632.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อเวลา 19:27 น. ET (23:27 GMT) สัญญาทั้งสองร่วงลงมากกว่า 1% ในวันพุธ และซื้อขายที่ระดับที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน
อ้างอิง Investing.com
ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าติดต่อกัน 14 เดือน เหตุต้นทุนนำเข้าพุ่งหลังเยนอ่อน

กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (20 ต.ค.) ว่า ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้า 2.09 ล้านล้านเยน (1.394 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการเกินดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14 เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินเยน
ทั้งนี้ ยอดนำเข้าเดือนก.ย.ของญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 45.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และนับเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันที่ยอดการนำเข้าขยายตัวมากกว่า 40% เนื่องจากญี่ปุ่นนำเข้าน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติเหลว และถ่านหินเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินเยนยังส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าเชื้อเพลิงปรับตัวขึ้นด้วย
ส่วนยอดการส่งออกในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 28.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐ รวมทั้งอุปสงค์ชิปและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากเกาหลีใต้ โดยยอดส่งออกเดือนก.ย.สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 27.1% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 22% ในเดือนส.ค.
อ้างอิง อินโฟเควสท์
เงินหยวนแตะระดับต่ำสุด ตลาด FX ในเอเชียถูกกดดันอ่อนค่าต่อเนื่อง

Investing.com – ค่าเงินหยวนนอกประเทศของจีนแตะระดับต่ำสุดครั้งใหม่ในวันพฤหัสบดี ขณะที่สกุลเงินเอเชียอื่น ๆ ส่วนใหญ่อ่อนค่าลง เนื่องจากความกลัวว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเคลื่อนไหวนโยบายการเงินให้เข้มงวดมากขึ้น กระตุ้นการดีดตัวของค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังในชั่วข้ามคืน
ค่าเงิน หยวนนอกประเทศ ซึ่งเป็นค่าเงินที่หมุนเวียนนอกประเทศจีน ลดลงมากถึง 0.2% เป็น 7.2790 ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่าที่สุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ก่อนที่จะฟื้นตัวเล็กน้อยเพื่อซื้อขายในเชิงบวก
USD/CNY ได้รับผลกระทบด้วยแรงกดดันใหม่ในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นของเศรษฐกิจจีน คู่สกุลเงินลดลงประมาณ 0.6% ในสัปดาห์นี้
อ้างอิง Investing.com
แบงก์ชาติจีนคงดอกเบี้ย LPR ติดต่อกันเดือนที่ 2 หลังตรึงดอกเบี้ยนโยบาย

ธนาคารกลางจีนประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีที่ระดับ 3.65% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีที่ระดับ 4.30% ในวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยการคงอัตราดอกเบี้ย LPR สะท้อนให้เห็นว่า ทางการจีนไม่ต้องการใช้นโยบายกระตุ้นทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อหลีกเลี่ยงการดำเนินนโยบายที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับประเทศขนาดใหญ่รายอื่น ๆ
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีของจีนเป็นดัชนีวัดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของภาคเอกชน ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นดัชนีวัดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของภาคครัวเรือน ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเพื่อการกู้จำนอง
อ้างอิง อินโฟเควสท์