

- ดัชนี NIKKEI 225 ปิดภาคเช้าที่ 30,562.42 จุด เพิ่มขึ้น 115.05 จุด หรือ +0.38%
- ดัชนี HSI ปิดภาคเช้าที่ 25,800.87 จุด ลดลง 12.94 จุด หรือ -0.05%
นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค. ของสหรัฐในวันนี้ เวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย โดยคาดว่าดัชนี CPI จะสามารถบอกทิศทางเงินเฟ้อของสหรัฐที่ชัดเจนมากขึ้น ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะมีขึ้นในวันที่ 21-22 ก.ย.นี้
ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวดาวโจนส์ระบุว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และเพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ระดับเดียวกับในเดือนก.ค. นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และเพิ่มขึ้น 4.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี
อ้างอิง: www.ryt9.com

- ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันในประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซียได้รับการสนับสนุนจากดัชนีการขับขี่ภายในประเทศในช่วงเดือน ก.ย. 64 ที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นกว่าระดับก่อนการเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19
- ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานในภูมิภาคปรับตัวลดลงจากปริมาณการส่งออกของประเทศจีนที่ปรับลด ขณะที่โรงกลั่นในมะละกา ประเทศมาเลเซียกลับมาดำเนินการผลิตช้ากว่าที่กำหนด
ปัจจัยบวก ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังอุปทานน้ำมันดิบสหรัฐได้รับแรงกดดันจากผู้ผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกที่ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนไอดากลับมาดำเนินการผลิตล่าช้ากว่าที่กำหนด ขณะที่บริษัทผู้ผลิตน้ำมันในรัฐเท็กซัสเฝ้าระวังต่อพายุโซนร้อนนิโคลัสที่มีโอกาสกำลังทวีความรุนแรงเป็นพายุเฮอริเคนได้
อีกทั้ง ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากสัญญาณการผ่อนคลายความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนหลังจากมีการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ปัจจัยลบ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (OPEC+) ปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันโลกใตรมาส 4 ปี 2564 ในรายงานประจำเดือน ก.ย. ลดลงจากการรายงานในฉบับก่อนหน้า รวมทั้งคาดว่าอุปสงค์การใช้น้ำมันทั่วโลกจะไม่สามารถกลับไปสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ภายในปีนี้ ท่ามกลางอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากการขายปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงยุทธศาสตร์จากสหรัฐและจีน
อ้างอิง: www.prachachat.net

บริษัท Oracle รายงานผลกำไรประจำไตรมาสที่ 1 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยมีรายได้ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ ตามข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ โดยกำไรต่อหุ้น (EPS) ของ Oracle อยู่ที่ $1.03 จากรายได้ $9.73B ทั้งนี้ ความเห็นของนักวิเคราะห์มองว่าตัวเลขดังกล่าวน่าจะอยู่ที่ $0.9716 ต่อหุ้น บนพื้นฐานรายได้ $9.76B โดยหุ้นของ Oracle ลดลง 2.66% มาอยู่ที่ $86.51 ในหลังชั่วโมงทำการ หลังจากข่าวรายงานผลประกอบการ
นอกจาก Oracle ยังมีบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเทคโนโลยีของตลาดหุ้นนิวยอร์ก ที่รายงานผลประกอบการในช่วงเดือนนี้อย่าง
- NVIDIA ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 โดยมีกำไรอยู่ที่ $1.04 ต่อหุ้น จากรายได้ $6.51B เทียบกับคาดการณ์ที่ $1.02 และรายได้ $6.33B
- Salesforce.com มีผลกำไรประจำไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ $1.48 ต่อหุ้น และมีรายรับ $6.34B เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์โดยนักวิเคราะห์ของ Investing.com ซึ่งมองว่าตัวเลขกำไรต่อหุ้นน่าจะอยู่ที่ราว $0.9246 บนพื้นฐานรายรับ $6.24B
อ้างอิง: th.investing.com