
ราคาน้ำมันดิบพุ่ง 3% ตอบรับปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐร่วงต่ำสุดในรอบ 2 ปี

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 ก.ย.64 ปรับตัวลดลง 6.4 ล้านบาร์เรล สู่ 417.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย.62 ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวลดลงเพียง 3.5 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้ที่มีแนวโน้มฟื้นตัว โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) กล่าวในรายงานประจำเดือน ก.ย. ว่าการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้นราว 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ต.ค.64 และจะเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้
อย่างไรก็ดี ปริมาณการกลั่นน้ำมันดิบของโรงกลั่นในประเทศจีนในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยปรับลดลงไปอยู่ที่ 13.74 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลง 2.2% จากปีก่อนหน้า และยังเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค.63
โดยราคาน้ำมันดิบโลกปรับขึ้น 2.46-2.96% สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ซื้อขายอยู่ที่ 75.46 เหรียญ จากปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐปรับตัวลงมากกว่าที่ตลาดคาการณ์ ต่ำสุดในรอบ 2 ปี ด้านความต้องการใช้มีแนวโน้มฟื้นตัว แรงหนุนจากการกระจายวัคซีนโควิด-19
ราคาน้ำมันดิบต่างประเทศประจำวันที่ 16 ก.ย.64 มีการเปลี่ยนแปลงตามชนิดที่อ้างอิง ดังนี้
• เวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 72.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ปรับขึ้น 2.15 ดอลลาร์ (ปรับขึ้น 2.96%)
• เบรนท์ (Brent) อยู่ที่ 75.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ปรับขึ้น 1.86 ดอลลาร์ (ปรับขึ้น 2.46%)
อ้างอิง: businesstoday.co
ต่างชาติยังสนใจไทย ส.ค. 64 เงินลงทุนพุ่ง 450% จากปีก่อน

กรมพัฒฯ เผย ส.ค. 64 มีการอนุญาตให้ต่างชาติลงทุนในไทย 24 ราย เพิ่มขึ้น 85% มีเงินลงทุนที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ 908 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 450% จ้างงานคนไทย 636 คนสำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่
1. ธุรกิจนายหน้า/ ค้าปลีก/ค้าส่งสินค้าสำหรับใช้ในอุตสาหกรรม จำนวน 3 ราย โดยเป็นนักลงทุน จากญี่ปุ่น และสิงคโปร์ มีเงินลงทุนจำนวน 144 ล้านบาท ได้แก่ การทำกิจการนายหน้าเพื่อจำหน่ายสินค้าประเภทซิลิโคน (Silicones) โลหะผสมพิเศษ (Specialty foundry alloys) วัสดุคาร์บอนผสมเพื่องานอุตสาหกรรม (Carbon materials) ซิลิคอนและไมโครซิลิกา (Silicon materials and Microsilica)
2. ธุรกิจบริการโดยเป็นคู่สัญญากับเอกชน จำนวน 3 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น และอิตาลี มีเงินลงทุนจำนวน 244 ล้านบาท ได้แก่ บริการบริหารจัดการและให้บริการเดินรถและซ่อมแซมบำรุงรักษาโครงการเกี่ยวกับรถไฟ (Operation-Maintenance) และการดำเนินกิจการทางพาณิชย์ (Commercial Operation)
3. ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า จำนวน 12 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น และสิงคโปร์ มีเงินลงทุนทั้งสิ้นจำนวน 458 ล้านบาท อาทิ บริการสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน บริการให้เช่าซื้อและให้เช่าแบบลีสซิ่งสินค้าประเภทอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน (Drone) เป็นต้น
อ้างอิง: prachachat.net
PTTEP บวก 1.33% ตอบรับราคาน้ำมันขึ้นต่อเนื่อง ดันกำไร Q3/64

ราคาหุ้น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปรับขึ้น 1.33% หรือ เพิ่มขึ้น 1.50 บาท มาที่ 114 บาท มูลค่าซื้อขาย 852.01 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.59 น.ราคาเปิดที่ 113.50 บาท ราคาสูงสุดที่ 114.50 บาท ราคาต่ำสุด 113.00 บาท จากการที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเป็นบวกโดยตรงกับ PTTEP เนื่องจากมีสูตรราคาเป็น Oil link แนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 3/64 คาดสูงขึ้น QoQ และ YoY ตามราคาขายที่เพิ่มขึ้นและไตรมาสนี้คาดว่าจะไม่มี Hedging loss จำนวนมากเหมือน 2Q21 (มี Hedging loss 3,900 ล้านบาท)
อ้างอิง: infoquest.co.th
EKH โชว์งบ Q2/64 กำไรพุ่ง 30,090% อัพเป้ารายได้เพิ่มเป็น 40%

บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH ผู้ประกอบธุรกิจสถานพยาบาลเอกชนในจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3-4/64 ของบริษัทฯ จะขยายตัวอย่างโดดเด่นทั้งรายได้และกำไร เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังรุนแรง อีกทั้งฐานกำไรที่ต่ำในไตรมาส 3/63 และสามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 การให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 รวมถึงมีผู้เข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ธุรกิจการรักษาพยาบาลทั่วไป
ในโรงพยาบาล อาทิ ศูนย์ฉุกเฉิน, ศูนย์กุมารเวช, ศูนย์สูติ-นรีเวช ยังมีผู้เข้ารับบริการอย่าง
ต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าจะผลักดันรายได้ปี 2564 เติบโตไม่ต่ำกว่า 40% จากเดิมคาดเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เทียบปีที่ผ่านมา
อ้างอิง: thunhoon.com
ก.ล.ต. อนุมัติแบบคำขอเสนอขายหุ้น IPO บมจ.ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM)

บมจ.ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM) ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำและสัตว์เศรษฐกิจได้รับอนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์จากสำนักงาน ก.ล.ต. เรียบร้อยแล้ว เตรียมพร้อมเดินหน้าเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 109.30 ล้านหุ้น มุ่งมั่นเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์น้ำและสัตว์เศรษฐกิจแบบครบวงจรที่มีคุณภาพดีที่สุดเพื่อการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน
สำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,370.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,964.6 ล้านบาท มีปริมาณการขายเติบโตขึ้นเป็น 90,770 ตัน เติบโต 19.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากปริมาณการขายอาหารกุ้ง อาหารปลา และอาหารสัตว์บกที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในไตรมาส 2 ปี 2564 ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในการผลิตและจำหน่ายอาหารปลาของ AMG-TFM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TFM ถือหุ้นร้อยละ 51 และตั้งอยู่ในประเทศปากีสถาน ส่งผลให้ปริมาณการขายอาหารปลาในต่างประเทศเติบโตขึ้น ขณะที่ปริมาณการขายอาหารสัตว์บกมีแนวโน้มเติบโตจากกลุ่มลูกค้าเดิมและการจัดหาลูกค้ารายใหม่ต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า
อ้างอิง: thaipr.net