— ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยในวันนี้ เกาหลีใต้เปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย., จีนเปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค., เยอรมนีเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากสถาบัน GfK, สหรัฐเปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมี.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

— นางสาวดารณี แซ่จู ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นกว่าคาดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าอย่างต่อเนื่องและทำสถิติแข็งค่าสูงสุดในรอบเกือบ 5 ปี ทำให้สกุลเงินภูมิภาครวมทั้งเงินบาทอ่อนค่าลง โดยตั้งแต่ต้นปี เงินบาทปรับอ่อนค่าลง 2.5% ขณะที่สกุลภูมิภาคอ่อนค่าระหว่าง 1% ถึง 5.5%

การอ่อนค่าของสกุลเงินภูมิภาคมีปัจจัยเสริมจากความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนภายหลังการ lockdown ในหลายเมืองสำคัญ ขณะที่เงินบาทยังมีปัจจัยกดดันระยะสั้นเพิ่มเติมจากการส่งกลับเงินปันผลของนักลงทุนต่างชาติ

ทั้งนี้ ธปท. ได้ติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทและเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด และพร้อมดูแลหากเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนมากผิดปกติ โดยภาคเอกชนควรบริหารความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดการเงินในสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

— ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและ แรงเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เขาสนับสนุนให้เฟดดำเนินการเร็วขึ้นเพื่อต่อสู้กับเงิน เฟ้อ และส่งสัญญาณว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 3-4 พ.ค. ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่เฟดปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ย0.50% นับตั้งแต่ปี 2543

• ตลาดยังคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงขึ้นหลังเดือนพ.ค. โดยอาจปรับขึ้น 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
• สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (26 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำใน

ฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและสงครามในยูเครน นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

อ้างอิง อินโฟเควสท์