พาวเวลเล็งลด QE หลังเงินเฟ้อพุ่ง พร้อมส่งสัญญาณยุติกลางปี 65

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดอาจปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มากกว่าเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยเฟดจะมีการหารือกันในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 14-15 ธ.ค.

“ขณะนี้เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งมาก และแรงกดดันจากเงินเฟ้อได้เพิ่มสูงขึ้น ผมจึงเห็นว่าถึงเวลาเหมาะสมแล้วที่เฟดจะพิจารณายุติโครงการซื้อพันธบัตรให้เร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเดือน โดยเราจะหารือกันในการประชุมครั้งต่อไป” นายพาวเวล กล่าว

ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมวันที่ 3 พ.ย. และเฟดจะปรับลดวงเงิน QE เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย. โดยเฟดจะปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเดือนละ 10,000 ล้านดอลลาร์ และปรับลดวงเงินซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) เดือนละ 5,000 ล้านดอลลาร์

สำหรับการลดวงเงิน QE ดังกล่าวจะทำให้เฟดยุติการทำ QE โดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565
โดยก่อนหน้านี้ เฟดได้ทำ QE เดือนละ 120,000 ล้านดอลลาร์ โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์ และซื้อตราสารหนี้ MBS ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์

อ้างอิง: kaohoon.com

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวน หลังเฟดส่งสัญญาณยุติ QE เร็วกว่าคาด-กังวลโอไมครอน

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผันผวนในช่วงเปิดตลาดเช้าวันนี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 พ.ย.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน

• ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,866.73 จุด เพิ่มขึ้น 44.97 จุด หรือ +0.16%,
• ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,595.57 จุด เพิ่มขึ้น 120.31 จุด หรือ +0.51% และ
• ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,561.89 จุด ลดลง 2 จุด หรือ -0.06%

นายพาวเวลแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อคืนนี้ว่า เฟดอาจปรับลดวงเงินในโครงการ QE มากกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดจะหารือกันในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 14-15 ธ.ค. นี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นายสเตฟาน บันเซล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทโมเดอร์นาเปิดเผยว่า วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันจะมีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน พร้อมกับเตือนว่า บรรดาบริษัทเวชภัณฑ์อาจต้องใช้เวลานานหลายเดือนจึงจะสามารถผลิตวัคซีนสูตรใหม่ที่จะป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนได้อย่างเพียงพอ

นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาคซึ่งจะเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดุลการค้าเดือนพ.ย. ของเกาหลีใต้, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2564 ของออสเตรเลีย และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ย. ของจีนจากไฉซิน

อ้างอิง: infoquest.co.th

ดาวโจนส์ร่วง 625 จุด เฟดเร่งซื้อพันธบัตร

ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 แห่ง ร่วงมากกว่า 1% ประธานเฟดประกาศลดวงเงินซื้อพันธบัตรต่อเดือนเร็วขึ้น นัดหารือในการประชุมครั้งหน้า รวมถึงความวิตกกังวลต่อความเสี่ยงของไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 5.4% ปิดที่ 66.18 ดอลลาร์ กดดันหุ้นพลังงาน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 30 พ.ย. 2564 ปิดที่ 34,487.72 จุด ลดลง 652.22 จุด หรือ -1.86% หลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญลักษณ์เร่งลดการซื้อพันธบัตรและจากความวิตกต่อความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,567.00 จุด ลดลง 88.27 จุด -1.90%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,537.69 จุด ลดลง 245.14 จุด -1.55%

นายพาวเวลล์กล่าวว่า เฟดจะหารือเพื่อเร่งการลดซื้อพันธบัตรในการประชุมเดือนธ.ค. นี้ ในการให้ถ่อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภา นายพาวเวลล์กล่าวว่า เขาคิดว่าการลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรต่อเดือนจะสามารถทำได้เร็วขึ้นว่า 15 พันล้านดอลลาร์ที่กำหนดไว้ตามที่ประกาศเมื่อต้นเดือนพ.ย. ที่ผ่านมา

และตลาดยังได้รับแรงกดันหลังจาก สเตฟาน บันเซล ซีอีโอบริษัทโมเดอร์นาให้สัมภาษณ์กับไฟแนนเขียลไทม์เตือนว่า วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันจะมีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ขณะที่ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นบีซีวันจันทร์ว่าอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนในการพัฒนาวัคซีนป้องกันสายพันธุ์โอไมครอน หุ้นโมเดอร์นาลดลง 4.4%
ด้านอัลเบิร์ต บูร์ลา ซีอีโอของไฟเซอร์กล่าวกับซีเอ็นบีซีว่า ไม่คิดว่าวัคซีนจะไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกัน แต่จะมีประสิทธิภาพน้อยลง

ส่วนกลุ่มเดินทางปรับตัวลดลงโดย Expedia Group ลดลง 3.3% หุ้นนอร์วีเจียน ครูซไลน์ โฮลดิ้งส์ลดลง 3.5% หุ้นบุ๊กกิ้งโฮสดิ้ง ลดลง 3.7% ด้านอัตรผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงมาที่ต่ำกว่า 1.45% เพราะนักลงทุนวิตกว่าเศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลงหนักสุดในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 โดยหุ้นเมตา เฟซบุ๊ดลดลง 4.01% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 2.5%
หุ้นกลุ่มพลังงานลดลงหลังจากราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงกว่า 5% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 2.84% หุ้นเซฟรอน ลดลง 1.72%

ด้านเอสแอนดืพี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์รายงานผลสำรวจดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 19.5% จากระยะเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอตัวลงจาก 19.8% ในเดือนสิงหาคม

Conference Board รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภาเดือนพฤศจิกายนลดลงสู่ระดับ 109.5 ลดลงจาก 111.6 ในเดือนตุลาคมและต่ำกว่า 111.0 ที่นักวิเคราะห์คาด นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤศจิกายนในวันศุกร์นี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 581,000 ตำแหน่ง

ส่วนตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มเดินทางและสันทนาการที่ลดลง 2.8% จากถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธารเฟดและความวิตกเกี่ยวกับโควิด สายพันธุ์โอไมครอน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 462.96 จุด ลดลง 4.28 จุด – 0/92%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดกุ้นลอนดอนปิดที่ 7,059.45 จุด ลดลง 50.50 จุด -0.71%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,721.16 จุด ลดลง 55.09 จุด -0.81%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,100.13 จุด ลดลง 180.73 จุด -1.18%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 3.77 ดอลลาร์ หรือ 5.4% ปิดที่ 66.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนลดลง 2.87 ดอลลาร์ หรือ 3.9% ปิดที่ 70.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อ้างอิง: hoonsmart.com