ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น จับตาคาดการณ์ที่เข้มงวดในเชิงรุกจากเฟด

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงต้นของเอเชียแปซิฟิก ในวันพุธ หลังจากดัชนีหลักปรับตัวสูงขึ้นระหว่างการซื้อขายปกติ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิเคราะห์ถึงการคาดการณ์ที่เข้มงวดในเชิงรุกจากธนาคารกลางสหรัฐ

• ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 254.47 จุดหรือ 0.74% สู่ 34,807.47 ในวันอังคาร
• S&P 500 เพิ่มขึ้น 50.43 จุดหรือ 1.13% สู่ 4,511.6
• NASDAQ Composite เพิ่มขึ้น 270.36 จุดหรือ 1.95% สู่ 14,108.82
• สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนีดาวโจนส์ ลดลงเพียง 11 จุด
• สัญญาซื้อขายล่วงหน้า S&P 500 ลดลง 0.03%
• สัญญาซื้อขายล่วงหน้า Nasdaq 100 ลดลง 0.05%

ในบรรดาหุ้น กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้น นำโดย Block Inc (NYSE:SQ) เพิ่มขึ้น 5.17%, Amazon.com Inc (NASDAQ:AMZN) เพิ่มขึ้น 2.1%, Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT) เพิ่มขึ้น 1.64%, Meta Platforms Inc (NASDAQ:FB) เพิ่มขึ้น 2.44%, Apple Inc (NASDAQ:AAPL) เพิ่ม 2.08% และ Alphabet Inc (NASDAQ) :GOOGL) เพิ่มขึ้น 2.77%

ผู้ผลิต EV ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดย Tesla Inc (NASDAQ:TSLA) เพิ่มขึ้น 7.91%, Rivian Automotive Inc (NASDAQ:RIVN) เพิ่มขึ้น 7.74% และ Lucid Group Inc (NASDAQ:LCID) เพิ่มขึ้น 4.96%

หุ้นภาคการเงินก็ปรับตัวขึ้นเช่นกันเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น JPMorgan Chase & Co (NYSE:JPM) ได้รับ 2.13%, Citizens Financial Group Inc (NYSE:CFG) เพิ่มขึ้น 1.79%, Bank of America Corp (NYSE:BAC) ) เพิ่มขึ้น 3.13%, Citigroup Inc (NYSE:C) เพิ่มขึ้น 0.91%, Wells Fargo & Company (NYSE:WFC) เพิ่ม 4.4%, Morgan Stanley (NYSE:MS) เพิ่มขึ้น 1.74% และ Goldman Sachs Group Inc (NYSE:GS) เพิ่มขึ้น 1.18%

Nike Inc (NYSE:NKE) ปรับตัวขึ้น 2.23% ตามผลประกอบการ ที่ดีกว่าที่คาดไว้

ด้านตลาดตราสารหนี้ อัตราผลตอบแทน พันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาแตะ 2.39% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2019

ด้านข้อมูลเศรษฐกิจ ยอดขายบ้านใหม่ เดือนกุมภาพันธ์จะเปิดเผยในช่วงหลังของเซสชัน ควบคู่ไปกับผลประกอบการของบริษัทจาก General Mills Inc (NYSE:GIS) , Cintas Corporation (NASDAQ:CTAS) และ Tencent Music Entertainment Group (NYSE:TME)

อ้างอิง: th.investing.com/

หุ้นเอเชียปรับตัวขึ้น ท่ามกลางการเทขายพันธบัตร

หุ้นเอเชียแปซิฟิกปรับตัวขึ้นในเช้าวันพุธ โดยธนาคารกลางสหรัฐมีจุดยืนที่แข็งกร้าวมากขึ้นกับการรับมือกับเงินเฟ้อ ซึ่งผลักดันให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวขึ้น แต่การเทขายออกของพันธบัตรกลับแย่ลง

• Nikkei 225 ของญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 2.94% เมื่อเวลา 23:13 น. ET (3:13 น. GMT)
• KOSPI ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 0.61%
• ASX 200 ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 0.46%
• ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงเพิ่มขึ้น 1.9%
• ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ของจีนเพิ่มขึ้น 0.49% และ ดัชนีองค์ประกอบ SZSE เพิ่มขึ้น 0.67%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวน แต่ S&P 500 ปรับตัวขึ้นเป็นช่วงที่ห้าในรอบหกปี อย่างไรก็ตาม พันธบัตรสหรัฐฯ ขาดทุนตั้งแต่วันจันทร์ เมื่อเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครึ่งจุดอาจเป็นไปได้ในการประชุมครั้งต่อไปของธนาคารกลาง พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นร่วงลง ทำผลงานรายไตรมาสแย่ที่สุดในรอบเกือบสี่ทศวรรษ ขณะที่หนี้ของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ก็อ่อนค่าลงเช่นกัน

ธนาคารกลางกำลังดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นเพื่อตอบสนองต่ออัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีเนื่องจากสงครามกับยูเครนทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น

แม้แต่เจ้าหน้าที่เฟดที่ปกติมีความเห็นแนว dovish ก็ยังเห็นด้วยกับคำแถลงของพาวเวลล์ว่าควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว โดยที่เศรษฐกิจแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น ดูเหมือนว่าตลาดตราสารทุนจะตอบสนองต่อข้อความดังกล่าว โดยนักลงทุนบางส่วนเอนเอียงเข้าลงทุนในหุ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

“เรามองในแง่บวกต่อหุ้นในปีนี้” สีมา ชาห์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์ของ Principal Global Investors กล่าวกับ Bloomberg แม้ว่าตลาดอาจมีความท้าทายมากขึ้นในปี 2023 และความเสี่ยงจากภาวะถดถอยก็เพิ่มสูงขึ้น “เรายังคิดว่าพื้นฐานเศรษฐกิจสหรัฐฯ ค่อนข้างดี” เธอกล่าว “การปรับขึ้นราคาที่รวดเร็วขึ้นจะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อลดลงได้อย่างชัดเจน” ซึ่งอาจช่วยลดความจำเป็นในการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดอีกต่อไป เธอกล่าวเสริม

เฟดคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งภายในปี 2022 หลังจากเพิ่มเป็น 0.5% ในการส่งมอบการตัดสินใจนโยบายล่าสุดในช่วงสัปดาห์ก่อน ประธานเฟดแห่งซานฟรานซิสโก แมรี ดาลี กล่าวเมื่อวันอังคารว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องยกเลิกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่ เจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดแห่งเซนต์หลุยส์และนาย โลเรตตา เมสเตอร์ แห่งคลีฟแลนด์เรียกร้องให้มีการขึ้นอัตราเร็วขึ้น ส่วนพาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางยุโรป คริสติน ลาการ์ด และผู้ว่าการธนาคารแห่งอังกฤษ แอนดรูว์ ไบลีย์ จะพูดในที่ประชุมสุดยอดนวัตกรรม BIS ในวันเดียวกัน

ความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจกำลังเพิ่มขึ้น เนื่องจากสงครามในยูเครนมีสัญญาณแก้ปัญหาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ และพันธมิตรจะพบกันที่บรัสเซลส์ ซึ่งพวกเขาคาดว่าจะประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียใหม่จากการรุกรานยูเครนที่เริ่มต้นในวันที่ 24 ก.พ. นอกจากนี้ พวกเขายังคาดว่าจะแนะนำมาตรการใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้รัสเซียหลุดรอดจากการคว่ำบาตรในปัจจุบัน

นักลงทุนจะติดตามตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย โดยสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรบรรลุข้อตกลงเพื่อลดภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมของอังกฤษ ซึ่งอาจบรรเทาแรงกดดันด้านเงินเฟ้อได้บ้าง ริชี ซูแนค นายกรัฐมนตรี แห่งสหราชอาณาจักรจะส่งมอบ “แถลงการณ์ประจำฤดูใบไม้ผลิ” เกี่ยวกับงบประมาณภายในวันนี้ โดยมีข้อมูล คำสั่งซื้อสินค้าคงทน ของสหรัฐฯ ที่จะครบกำหนดในอีกหนึ่งวันต่อมา

อ้างอิง: th.investing.com/

ดอลลาร์แข็งค่า ด้านเงินเยนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ในเช้าวันพุธที่เอเชีย ดอลลาร์ออสเตรเลียทรงตัวจากช่วงลบที่จำกัด ในขณะที่เงินเยนของญี่ปุ่นยังคงอ่อนค่า เนื่องจากนักลงทุนค่อย ๆ หันไปหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้นยังคงขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวของตลาด

• ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ติดตามค่าเงินดอลลาร์เทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 0.01% เป็น 98.530 เมื่อเวลา 12:21 น. ET (4:21 น. GMT)
• ค่าเงินเยน ขึ้น 0.28% เป็น 121.13
• ดอลลาร์ออสเตรเลีย ลดลง 0.08% เป็น 0.7461
• ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ลดลง 0.08% เป็น 0.6957
• ค่าเงินหยวน ขยับขึ้น 0.03% เป็น 6.3686
• ค่าเงินปอนด์ ขยับขึ้น 0.14% เป็น 1.3282
• ค่าเงินบาท ยังคงถูกดอลลาร์กดดันอย่างต่อเนื่อง ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 33.530 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
• ดอลลาร์ออสเตรเลีย แตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2015 เมื่อเทียบกับเงินเยน และเพิ่มขึ้น 8% ในเดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบัน โดยแตะระดับสูงสุดในรอบสี่เดือนครึ่งในการซื้อขายช่วงแรกหลังจากเพิ่มขึ้น 0.95% ในชั่วข้ามคืน
• เงินเยน อ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดที่ 121.4 ต่อดอลลาร์ โดยดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 1.1% จากค่าเงินญี่ปุ่นในชั่วข้ามคืน

นักวิเคราะห์ของ ANZ บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียทะลุแนวต้านที่ 0.745 ดอลลาร์ เนื่องจากหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้น และเสริมว่า “ความเชื่อมั่นต่อความเสี่ยงทั่วโลก” ยังคงหนุนค่าเงินออสเตรเลีย

ตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดเอเชียแปซิฟิกปรับตัวขึ้นในวันพุธ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจของสงครามในยูเครน ยกเว้นราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้นจะส่งผลกระทบในทางลบต่อเงินเยนเนื่องจากการพึ่งพาน้ำมันนำเข้าของญี่ปุ่นและจะทำให้การขาดดุลการค้าของประเทศสูงขึ้น

“USD-JPY ไม่มีที่ไหนให้ไปนอกจากขาขึ้น” นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ TD กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ส ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างอัตราสหรัฐและญี่ปุ่น และความเปราะบางของเงินเยนต่อสินค้าโภคภัณฑ์ที่กำลังเป็นที่ตื่นตระหนกอย่างต่อเนื่อง

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นเป็น 2.4026% ในช่วงต้นของเซสชั่นเอเชียในวันพุธ โดยได้รับการสนับสนุนจากคำปราศรัยของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันจันทร์ หลังเขาส่งสัญญาณให้อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นมากกว่า 25 bps ในการประชุมนโยบายที่กำลังจะมีขึ้น

ธนาคารกลางได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ใน การตัดสินใจด้านนโยบาย ล่าสุด ซึ่งส่งมอบในช่วงสัปดาห์ก่อน “เจ้าหน้าที่เฟดคนอื่น ๆ จำนวนมากกำลังรับลูกกับนโยบายของพาวเวลล์” นักวิเคราะห์ของ ING บอกกับรอยเตอร์ส

พาวเวลล์จะพูดในการประชุมสุดยอดนวัตกรรม BIS ในวันต่อมา นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป และผู้ว่าการธนาคารแห่งอังกฤษ แอนดรูว์ ไบลีย์ ก็เป็นผู้บรรยายในการประชุมด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นนั้นส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อเงินดอลลาร์ โดยนักลงทุนบางคนกล่าวว่าการเพิ่มขึ้นนั้นได้ถูกปรับฐานแล้ว

เงินปอนด์พุ่งแตะระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในรอบเกือบสามสัปดาห์ โดยนักลงทุนให้ความสำคัญกับ “แถลงการณ์ประจำฤดูใบไม้ผลิ” ของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Rishi Sunak เกี่ยวกับงบประมาณที่จะครบกำหนดในวันรุ่งขึ้น ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคา ผู้บริโภค และ ผู้ผลิต จะครบกำหนดในช่วงท้ายของวันเช่นกัน

ด้านสกุลเงินดิจิตอล Bitcoin ซื้อขายใกล้ 42,400 ดอลลาร์โดยทำกำไรในชั่วข้ามคืน ส่วน Ethereum นั้นขยับลงไปต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์เล็กน้อย

อ้างอิง: th.investing.com/

ทองคำปรับตัวลง หลังเฟดแสดงจุดยืนแข็งกร้าว

ทองคำร่วงลงในเช้าวันพุธในเอเชีย โดยทรงตัวเนื่องจากสงครามที่ดำเนินต่อเนื่องในยูเครนสนับสนุนความต้องการทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การเรียกร้องจากผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของตลาด

• สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ ลดลง 0.02% เป็น 1,921.20 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 01:06 น. ET (5:06 น. GMT)
• เงิน เพิ่มขึ้น 0.3%
• แพลเลเดียม เพิ่มขึ้น 3.2% มาอยู่ที่ 2,565.02 ดอลลาร์
• แพลตตินัม ขยับลง 0.2%

มิเชล แมคคาธี หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ Tiger Brokers บอกกับรอยเตอร์สว่า “ศักยภาพของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทั่วโลกกำลังหนุนทองคำ ในขณะเดียวกันความต้องการที่หลบภัยเมื่อเผชิญกับความขัดแย้งทางการเมืองในยูเครนยังคงเป็นปัจจัยหนุน”

เจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางเซนต์หลุยส์ เรียกร้องให้ธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 3% ในปีนี้ และเคลื่อนไหวอย่างจริงจังเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ลอเร็ตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดแห่งคลีฟแลนด์ สะท้อนเสียงเรียกร้องของบูลลาร์ด ขณะที่แมรี เดลี ประธานเฟดซานฟรานซิสโกกล่าวเมื่อวันอังคารว่า ถึงเวลาต้องพักนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว

ตลาดคาดความน่าจะเป็น 72.2% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 bps ในเดือนพฤษภาคม 2022 โดยมีโอกาสที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ใหญ่กว่านั้นจะเพิ่มขึ้นจากเพียง 50% ในวันจันทร์ เกณฑ์มาตรฐาน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ก็แตะระดับสูงสุดใหม่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2019

เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด, คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป และแอนดรูว์ ไบลีย์ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ จะพูดในที่ประชุมสุดยอดนวัตกรรม BIS ในวันเดียวกัน

การมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสงครามในยูเครนที่เริ่มต้นด้วยการรุกรานของรัสเซียตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์เริ่มจางหายไป ทำให้นักลงทุนบางคนคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะสถานการณ์จะพลิกกลับ แมคคาธี กล่าว ชาติตะวันตกอาจประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม

หวาง เต๋า นักวิเคราะห์ทางเทคนิคของรอยเตอร์สระบุว่า ทองคำสปอต อาจตกลงสู่ช่วง 1,891 ดอลลาร์ถึง 1,903 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากแนวโน้มขาลงจากระดับสูงสุด 8 มี.ค.ที่ 2,069.89 ดอลลาร์ดูเหมือนว่าจะดำเนินต่อไป

อ้างอิง: th.investing.com/