สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ (27 ต.ค.) ว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนปรับตัวลงในอัตราที่เร็วขึ้นในเดือนม.ค.-ก.ย. เนื่องจากผลกระทบของมาตรการควบคุมโควิด-19 และวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อกิจกรรมในภาคการผลิตของจีน

ข้อมูลของ NBS ระบุว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนลดลง 2.3% แตะระดับ 6.24 ล้านล้านหยวนในช่วงเดือนม.ค.-ก.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งรุนแรงกว่าในช่วงเดือนม.ค.-ส.ค.ที่ปรับตัวลง 2.1%

ข้อมูลดังกล่าวเป็นการสำรวจบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของจีนที่มีรายได้ในธุรกิจหลักต่อปีอย่างน้อย 20 ล้านหยวน หรือประมาณ 2.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อ้างอิง อินโฟเควสท์

นักลงทุนเพิ่มคาดบีโออีขึ้นดอกเบี้ย 1% ในการประชุมวันที่ 3 พ.ย.

นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 3 พ.ย. หลังมีรายงานว่า รัฐบาลของนายริชี ซูแน็ก ได้เลื่อนการประกาศแผนการใช้จ่ายของรัฐบาล และการจัดเก็บภาษีออกไปเป็นกลางเดือนพ.ย.

ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดซื้อขายสัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้า ให้น้ำหนัก 37% ที่บีโออีจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% ในการประชุมวันที่ 3 พ.ย. เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการประกาศเลื่อนการเปิดเผยแผนดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ บีโออี มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 2.25% ในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งสร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนที่คาดว่าบีโออีจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%

อ้างอิง กรุงเทพธุรกิจ

เงินบาทเปิด 37.64 จับตา GDP สหรัฐ-ประชุม ECB คาดกรอบ 37.50-37.85

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 37.64 บาท/ดอลลาร์ แข็ง ค่าจากเย็นวานที่ปิดตลาดที่ระดับ 37.74 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด เงินบาทอ่อนค่าไปอยู่ที่ 37.74 บาท/ดอลลาร์ หลังจากที่เมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางแคนาดา มีมติปรับขึ้น ดอกเบี้ยนโยบายน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ จึงทำให้ตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจลดความร้อนแรงในการปรับขึ้น ดอกเบี้ยลงได้บ้าง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ย่อตัวลง ดอลลาร์สหรัฐจึงปรับอ่อนค่าลงเมื่อเทียบ กับสกุลเงินอื่น

ขณะที่ คืนนี้ต้องติดตามการรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 3/65 ของสหรัฐ รวมทั้งการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 37.50 – 37.85 บาท/ดอลลาร์

อ้างอิง อินโฟเควสท์

ราคาน้ำมันดิบ (27 ต.ค. 65) ปรับเพิ่ม หลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง

Photo by Johannes EISELE / AFP

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง

วันที่ 27 ตุลาคม 2565 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังได้รับปัจจัยบวกอย่างต่อเนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบสกุลดอลลาร์สหรัฐมีราคาถูกลงและเป็นที่น่าลงทุนมากขึ้นสำหรับนักลงทุนผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ๆ

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 26 ต.ค. 2565 อยู่ที่ 87.91 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +2.59 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 95.69 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +2.17 เหรียญสหรัฐ

อ้างอิง ประชาชาติธุรกิจ

เศรษฐกิจเกาหลีใต้ชะลอตัวใน Q3/65 เหตุส่งออกซบเซา

ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ระบุในวันนี้ (27 ต.ค.) ว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้เติบโตในอัตราชะลอตัวในไตรมาส 3/2565 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากการเติบโตด้านการส่งออกยังคงซบเซา และการใช้จ่ายอ่อนกำลังลง ท่ามกลางเงินเฟ้อสูงและความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเกาหลีใต้ขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 3 ซึ่งชะลอตัวลงจากการขยายตัว 0.7% ในไตรมาส 2 และเป็นการขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2564 ซึ่งในเวลานั้น GDP ขยายตัวเพียง 0.2%

อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบเป็นรายปี GDP ไตรมาส 3 ของเกาหลีใต้ขยายตัว 3.1% ซึ่งเร็วขึ้นจากระดับ 2.9% ในไตรมาส 2

อ้างอิง อินโฟเควสท์