
ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวน ปิดตลาดท่ามกลางความวุ่นวายในเดือนกันยายน

ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นในช่วงต้นของวันศุกร์ในเอเชียแปซิฟิก ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดตัวลง
ท่ามกลางความวุ่นวายในเดือนกันยายน เนื่องจากความเชื่อมั่นในความเสี่ยงลดลง จากความกลัวเรื่องเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง อีกทั้งปัญหาคอขวดของห่วงโซ่อุปทาน การชะลอตัวของการเติบโต ไปจนถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว
ในช่วงเซสชั่นซื้อขายของวันพฤหัสบดี S&P 500 ลดลง 51.92 จุดหรือ 1.19% ที่ 4307.53 ดาวโจนส์ ลดลง 546.8 จุดหรือ 1.59% ที่ 33843.93 และ NASDAQ ลดลง 63.86 จุด หรือ 0.44% สู่ 14448.58 สำหรับเดือนนี้ ดัชนี S&P 500 ลดลง 4.8% ทำลายสถิติการปรับขึ้น
7 เดือนติดต่อกัน และทำผลงานประจำเดือนแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563
ดัชนีดาวโจนส์ และ Nasdaq ร่วงลง 4.3% และ 5.3% ตามลำดับ ซึ่งทั้งคู่ประสบกับเดือนที่แย่ที่สุดของปี
ด้านข่าวนโยบายที่น่าติดตาม ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ลงนามในร่างกฎหมายการจัดสรรระยะสั้น ซึ่งจะทำให้รัฐบาลดำเนินการได้จนถึงวันที่ 3 ธันวาคม เพื่อหลีกเลี่ยงเวลาปิดทำการก่อนที่เงินทุนจะหมดลง
ด้านข้อมูล การขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก สำหรับสัปดาห์ก่อนหน้าอยู่ที่ 362,000 ราย นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 335,000 ราย เมื่อดูจากดาวโจนส์ รายงานตำแหน่งงานประจำเดือนตุลาคม ซึ่งถือเป็นตัวแปรบ่งชี้สำคัญสำหรับธนาคารกลางสหรัฐในการพิจารณานโยบายขั้นถัดไป จะออกในวันที่ 8 ตุลาคม
ขณะนี้นักลงทุนกำลังรอข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะครบกำหนดในช่วงหลัง เพื่อประเมินแรงกดดันด้านราคา ในขณะที่เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวหลังเกิดโรคระบาด ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) ที่ควรจับตามองอย่างใกล้ชิด คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนสิงหาคมและ 3.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากพุ่งขึ้น 3.6% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนกรกฎาคม แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2534
อ้างอิง: th.investing.com
ดอลลาร์ทำนิวไฮ 1 ปี คาดเฟดใกล้ถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี โดยได้แรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้ถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน
ดัชนีดอลลาร์ บวก 0.03% สู่ระดับ 94.37 หลังจากแตะระดับ 94.504 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.2563 ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.65% สู่ระดับ 128.97 เยน และร่วงลง 0.24% สู่ระดับ 1.157 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ร่วงลง 0.43% สู่ระดับ 111.48 เยน
นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้
นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้
เพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และเน้นย้ำความสำคัญของการใช้นโยบายการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ก่อนหน้านี้ นายพาวเวลและนางเยลเลนได้กล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวันอังคาร โดยระบุเตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้ชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และสหรัฐจะเผชิญภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นระยะเวลานานกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ ตลาดจับตาการลงมติในสภาคองเกรสต่อร่างกฎหมายเลี่ยงชัตดาวน์ในวันนี้
นายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน คาดการณ์ว่า วุฒิสภาจะให้การอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. และหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงาน คำกล่าวของนายแมคคอนเนลล์เป็นการส่งสัญญาณว่าพรรครีพับลิกันจะให้ความร่วมมือกับพรรคเดโมแครตในการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวในการลงมติวันนี้ โดยถ้อยแถลงของนายแมคคอนเนลล์สอดคล้องกับคำกล่าวของนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต ซึ่งประกาศว่า สมาชิกวุฒิสภาได้บรรลุข้อตกลงสำหรับการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว
อ้างอิง: www.ryt9.com
ราคาบิทคอยน์วันนี้ขยับขึ้น 2.66% อยู่ที่ 43,477.60 เหรียญสหรัฐ

ราคาบิทคอยน์วันนี้ขยับขึ้น +2.66% อยู่ที่ 43,477.60 เหรียญสหรัฐ หรือราว 1,466,499.45 บาท มูลค่าซื้อขายรวม 30.55 พันล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาเหรียญดิจิทัลคริปโทเคอเรนซีชนิดอื่นๆ Ethereum คงที่ เมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวานนี้ 2.37% Binance Coin คงที่ เมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวานนี้.% และ Dogecoin ขยับขึ้น 4.04% ในช่วง 24 ชั่วโมง
สรุปราคาเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี
- Bitcoin (BTC) ราคา 43,477.60 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +2.66%
- Ethereum (ETH) ราคา 3,002.63 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +2.37%
- Tether (USDT) ราคา 01.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง 0.00%
- Cardano (ADA) ราคา 2.11 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +0.99%
- Binance Coin (BNB) ราคา 386.21 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +4.04%
- Terra (LUNA) ราคา 38.15 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +9.42%
- Solana (SOL) ราคา 141.81 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +2.55%
- USD Coin (USDC) ราคา 1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.02%
- Polkadot (DOT) ราคา 28.86 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +3.03%
- Dogecoin (DOGE) ราคา .20 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +1.10%
อ้างอิง: prachachat.net
ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าลบ วิตกเงินเฟ้อ-วิกฤตพลังงานในจีน

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงในวันนี้ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ รวมถึงความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐนั้น อาจส่งผลให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขณะที่ตลาดหุ้นบางแห่งในภูมิภาคปิดทำการวันนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 28,861.83 จุด ลดลง 590.83 จุด หรือ -2.01% ส่วนตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติ
ตลาดในภูมิภาคได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ รวมถึงความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ
ซึ่งถึงแม้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายระงับเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่นักลงทุนกังวลว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกขัดขวางจากสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนว่า สภาคองเกรสมีเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์ในการพิจารณาเรื่องการขยายเพดานหนี้ โดยหากสภาคองเกรสล้มเหลวในการดำเนินการดังกล่าว ก็จะส่งผลให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตาวิกฤตพลังงานในจีน โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนได้สั่งการให้บริษัทพลังงานของรัฐ ซึ่งรวมถึงบริษัทถ่านหินและน้ำมันให้ดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าจะมีพลังงานเพียงพอต่อความต้องการในช่วงฤดูหนาวนี้ โดยรัฐบาลจีนมองว่าวิกฤตพลังงานที่ทำให้ประชาชนไม่มีไฟฟ้าใช้นั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาค กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ยอดส่งออกของเกาหลีใต้เดือนก.ย. พุ่งขึ้น 16.7% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 5.58 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งปรับตัวขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 ท่ามกลางการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แม้มีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็ตาม โดยเป็นการเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2499 และสูงกว่าระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ 5.54 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน ก.ค. ปีนี้
อ้างอิง: infoquest.co.th