
— ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันพุธ (15 มิ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเฟดในการควบคุมเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,668.53 จุด พุ่งขึ้น 303.70 จุด หรือ +1.00%
— ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงในวันพุธที่ 15 มิ.ย.ตามเวลาสหรัฐ โดยระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ชะลอตัวลงเล็กน้อยในไตรมาส 1 ปีนี้ ขณะที่ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงเร่งตัวขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงภาวะไร้สมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์ อันเป็นผลมาจากโรคระบาด, ราคาพลังงานที่สูงขึ้น และแรงกดดันด้านราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นวงกว้าง
คณะกรรมการ FOMC พยายามหาแนวทางที่จะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ในระยะยาว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว คณะกรรมการได้ตัดสินใจปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้น 0.75% สู่ระดับ 1.50-1.75% และคาดว่าการปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกในวันข้างหน้านั้นจะเป็นเรื่องที่เหมาะสม นอกจากนี้ คณะกรรมการจะยังคงปรับลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ตามที่ได้อธิบายไว้ในแผนการปรับลดขนาดงบดุลบัญชีของเฟด (Plans for Reducing the Size of the Federal Reserve’s Balance Sheet) ซึ่งมีการเผยแพร่พร้อมกับแถลงการณ์เดือนพ.ค. โดยคณะกรรมการมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
— นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงิน โดยกล่าวว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมเดือนก.ค. หลังจากที่ได้ปรับขึ้นไปแล้ว 0.75% ในการประชุมครั้งล่าสุด
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมเมื่อวันพุธ (15 มิ.ย.) ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 28 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2537
— ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศจัดการประชุมฉุกเฉินเมื่อคืนที่ผ่านมา ท่ามกลางความผันผวนในตลาดพันธบัตรยูโรโซน
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนได้พุ่งขึ้น และส่งผลกระทบต่อประเทศที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอ หลังจากที่ ECB ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค.
— เมื่อคืนที่ผ่านมา สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ร่วงลงใกล้หลุดระดับ 118 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ณ เวลา 20.29 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลดลง 0.66 ดอลลาร์ หรือ 0.55% สู่ระดับ 118.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
อ้างอิง อินโฟเควสท์