สรุปข่าวการเงินและการลงทุนประจำวันจันทร์ ที่ 27 ธันวาคม 2564

2021-12-27

สรุปข่าวการเงินและการลงทุน

5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องจับตา สัปดาห์สุดท้ายของปี 2564

สัปดาห์สุดท้ายของปี 2564 ดูเหมือนจะจบลงอย่างเงียบๆ สำหรับปีที่ผันผวนแต่ให้ผลกำไรสำหรับนักลงทุน สัปดาห์ที่เต็มไปด้วยวันหยุดทำให้ช่วงเวลาซื้อขายสั้นลงในตลาดนอกสหรัฐ และการซื้อขายปริมาณที่ลดลงทุกกระดาน สิ่งนี้จะทำให้จบปีในเชิงบวกหรืออาจเกิดความประหลาดใจในช่วงปลายปี?

นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้เพื่อเริ่มต้นสัปดาห์สุดท้ายของปี

จับตา Santa Rally การซื้อขายของสัปดาห์ที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายสัปดาห์ อยู่ในบรรยากาศวันหยุด โดย S&P 500 ปิดสูงสุดในวันพฤหัสบดี และดัชนีอื่น ๆ อีกมากมายรอบโลกทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นั่นเป็นตัวกำหนดเทรนด์สำหรับสัปดาห์นี้ และสิ่งที่เรียกว่า “Santa Rally” เนื่องจากโวลุ่มที่ต่ำและไม่มีข่าวใด ๆ ที่ทำให้ราคาสินทรัพย์ถูกกดดัน ซึ่งบ่อยครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นสูงขึ้น ทั้งวันขอบคุณพระเจ้า วันหยุดสุดสัปดาห์สุดท้ายของสหรัฐฯ ประกอบกับข่าวไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจว่าหากข่าวร้ายปรากฏขึ้นมา อาจทำให้เกิดการซื้อขายที่ผิดปกติที่เว่อเกินจริงได้

สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ ท่ามกลางสัปดาห์ข้อมูลที่ออกมาล่าช้า นักลงทุนและผู้ค้าอาจมุ่งเน้นไปที่ รายงานสินค้าคงคลังน้ำมันดิบ ในวันพุธ สัปดาห์ที่แล้วพบว่ามีการดึงน้ำมันออกจากสินค้าคงคลังตั้งแต่เดือนกันยายนมากที่สุด เมื่อรวมกับความกังวลที่ผ่อนคลายลงจากโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ทำให้น้ำมันปิดตลาดเพิ่มขึ้น 4% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในเวลาเดียวกัน น้ำมันเบนซินคงคลังเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของความต้องการเชื้อเพลิงที่ชะลอตัว ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของผู้ติดเชื้อโอมิครอน ในกลุ่มอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ คาดว่าจะฟื้นตัวเต็มที่สู่ระดับก่อนโควิดในปี 2565 โดย OPEC+ จะเพิ่มอุปทาน และนี่จะเป็นการประเมินสถานการณ์ครั้งสุดท้ายก่อนปีใหม่ เพื่อดูว่าปัจจัยดังกล่าวจะดำเนินต่อไปตลอดฤดูหนาวหรือไม่

รายงานเศรษฐกิจและองค์กร มีรายงานไม่กี่ฉบับที่จะออกมาในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ยอดขายบ้านที่รอการปิดการขาย ในวันพุธ การเรียกร้องสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ในวันพฤหัสบดี และ {{ecl- 38||ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในเขตชิคาโก}} ออกมาในวันพฤหัสบดีนี้ แต่ละดัชนีจะบ่งชี้เศรษฐกิจด้านต่าง ๆ ในช่วงสิ้นปี รวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และจุดที่เราอยู่ในวัฏจักร Cal-Maine Foods (NASDAQ:CALM) มีกำหนดรายงานผลประกอบการ ในฐานะผู้ผลิตไข่ จะรายงานผลประกอบการ ในวันอังคารหลังจากปิดตลาด ซึ่งอาจบ่งบอกถึงต้นทุน/เงินเฟ้อในอุตสาหกรรมการเกษตร

โอมิครอน ในขณะที่ช่วงเทศกาลวันหยุดสร้างความเสียหายให้กับตลาดตามรอยไวรัส-19 แต่ความรุนแรงของโอมิครอนยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งไม่สร้างความตื่นตระหนกให้นักลงทุนและผู้ค้านัก เมื่อสัปดาห์ตลาดได้รับแรงกระตุ้นส่วนหนึ่งจากรายงานที่เผยแพร่ออกมาว่าโอมิครอนอาจแพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์โควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม แต่ยังมีความเสี่ยงที่ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้อาจเกิดจากระดับภูมิคุ้มกันที่สูงขึ้นของประชากรหรือธรรมชาติของสายพันธุ์นี้เอง

สองสิ่งที่ควรจับตามองคือว่าข้อมูลเบื้องต้นนี้มีหลักฐานสนับสนุนเพิ่มเติมหรือไม่ และผลกระทบของการตอบสนองของประชาชนและรัฐบาลจะส่งผลต่อตลาดอย่างไร แอฟริกาใต้ซึ่งเป็นที่ที่โอมิครอนถูกค้นพบครั้งแรก ได้คลายการล็อกดาวน์และเกณฑ์การตรวจที่บังคับใช้โดยพยายามรักษาระดับผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลไม่ให้ล้น และไม่ทำให้เทศกาลวันหยุดเสียไป และการรักษาผู้คนให้ปลอดภัยยังคงดำเนินต่อไป ยังคงต้องจับตาดูว่ารัฐบาลอื่น ๆ จะทำตามผู้นำของแอฟริกาใต้หรือไม่ และ “จุดจบของการระบาดใหญ่” จะเริ่มส่งผลต่อตลาดแล้วหรือยัง?

จีน จีนกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งเพื่อส่งท้ายปี PMI ในเดือนธันวาคม จะครบกำหนดประกาศในปลายสัปดาห์ โดยคาดว่าจำนวนการผลิตจะอยู่ที่ 49.6 ซึ่งหมายถึงกิจกรรมหดตัวเล็กน้อย ตัวเลขนั้นวนเวียนอยู่บริเวณจุดคุ้มทุน 50 และจนถึงขณะนี้จีนยังคงยืนหยัดอย่างหนักในการยับยั้งการแพร่กระจายของโอมิครอน ตัวเลขนี้จึงน่าจับตามอง

หุ้นจีนยังจับตามองหลังจากจีนออกร่างกฎเกณฑ์ที่จะนำไปสู่การกระชับมาตรการรักษาความปลอดภัยในการจดทะเบียนบริษัทในต่างประเทศ แต่ยังคงอนุญาตให้บริษัทจีนเข้าจดทะเบียนในต่างประเทศได้ หลังจากความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวนี้ แม้ว่าจะเป็นนโยบายที่เข้มงวดกว่าในอดีต แต่ก็ช่วยบรรเทาความกังวลของนักลงทุนได้

สุดท้าย Baidu (NASDAQ:BIDU) เป็นเจ้าภาพการประชุม metaverse ในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของจีน อีเว้นท์นี้เกิดขึ้นเมื่อบริษัทมีการทดสอบแอป metaverse ภายใน

อ้างอิง: th.investing.com

ราคาน้ำมันผันผวน หลังเที่ยวบินถูกยกเลิกจากโควิด-19

ราคาน้ำมันผันผวนในวันจันทร์ โดยน้ำมันเบรนท์ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐร่วงลง หลังจากสายการบินสั่งปิดเที่ยวบินหลายพันเที่ยวในสหรัฐอเมริกาในช่วงวันหยุดคริสต์มาสท่ามกลางการติดเชื้อ COVID-19 ที่เพิ่มขึ้น

  • สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐร่วงลง 63 เซนต์หรือ 0.9% สู่ 73.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในเวลา 0510 GMT สัญญาไม่มีการซื้อขายในวันศุกร์เนื่องจากตลาดสหรัฐปิดทำการในช่วงวันหยุดคริสต์มาส
  • สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ เพิ่มขึ้น 20 เซนต์หรือ 0.3% สู่ 76.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลหลังจากปิดตัวลง 0.92% เมื่อวันศุกร์

น้ำมันทั้งสองสัญญาพุ่งขึ้น 3% เป็น 4% ตามลำดับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากข้อมูลเบื้องต้นบ่งชี้ว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนอาจทำให้อาการป่วยรุนแรงขึ้นโดยสายพันธุ์ดังกล่าวมีความสามารถแพร่เชื้อได้สูงทำให้จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยในช่วง
3 วันที่ผ่านมา ผู้โดยสารหลายพันคนที่เดินทางในช่วงคริสต์มาสต้องติดค้างหลังจาก
สายการบินของสหรัฐฯ ยกเลิกเที่ยวบินเนื่องจากการขาดแคลนพนักงานจากสถานการณ์
โควิด

เจฟฟรีย์ ฮัลลีย์ นักวิเคราะห์จาก OANDA ให้สัมภาษณ์โดยเผยกับรอยเตอร์สว่า “การเดินทางที่ลดลงเท่ากับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ลดลง ทำให้น้ำมันดิบ WTI ต่ำลง”
ในยุโรป ราคาก๊าซธรรมชาติแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจากอุปทานตึงตัว หนุนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ นักลงทุนพุ่งเป้าไปยังการประชุม OPEC+ ครั้งต่อไปในวันที่ 4 มกราคม

องค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปกและพันธมิตรรวมถึงรัสเซียหรือที่รู้จักในชื่อ OPEC+ จะประชุมกันเพื่อตัดสินใจว่าจะดำเนินการเพิ่มกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) ในเดือนกุมภาพันธ์หรือไม่ รัสเซียเชื่อว่าราคาน้ำมันไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในปีหน้า โดยความต้องการจะฟื้นตัวสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดภายในสิ้นปี 2565 รองนายกรัฐมนตรีอเล็กซานเดอร์ โนวัก กล่าวเมื่อวันศุกร์

อ้างอิง: th.investing.com

ราคาทองวันนี้ (27 ธ.ค.) ขยับขึ้น 50 บาท รูปพรรณบาทละ 29,250 บาท

ราคาทองคำวันนี้ (27 ธ.ค.) ปรับราคาขึ้น 50 บาท เมื่อเทียบกับราคาสุดท้ายเมื่อวานนี้
โดยราคาขายออกทองรูปพรรณ อยู่ที่ 29,250 บาท อ้างอิงข้อมูลล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ ที่เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ เมื่อเวลา 10.48 น.ที่ผ่านมา

  • ทองคำแท่งมีราคารับซื้อในประเทศอยู่ที่บาทละ 28,650 บาท ขายออกบาทละ 28,750 บาท ตามประกาศครั้งล่าสุด
  • ราคาทองรูปพรรณ รับซื้ออยู่ที่บาทละ 28,136.96 บาท และมีราคาขายออกที่ 29,250 บาท ขณะที่ราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) อยู่ที่ 1,811.50 เหรียญสหรัฐ
    ต่อออนซ์

    อ้างอิง: prachachat.net/

ข่าวสารการลงทุนIconBrandElement

article-thumbnail

2024-05-02 | ข่าวสารการลงทุน

Non-Farm Payroll ประจำเดือนเมษายน

article-thumbnail

2023-05-24 | ข่าวสารการลงทุน

แบงก์ชาติไต้หวันเล็งพิจารณาเงินเฟ้อ-จีดีพีก่อนปรับดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

ติดตามสรุปข่าวการเงินและการลงทุนประจำวันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2566 ได้ที่นี่

article-thumbnail

2023-05-23 | ข่าวสารการลงทุน

เงินเฟ้อฮ่องกงพุ่ง 2.1% ในเดือนเม.ย. เหตุราคาสินค้าสูงต่อเนื่อง

ติดตามสรุปข่าวการเงินและการลงทุนประจำวันอังคารที่ 23 พฤษภาคม 2566 ได้ที่นี่