ตลาดหุ้นสหรัฐปิดสูงขึ้นเป็นวันที่ 3 หลังตลาดผ่อนคลายความกังวล

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นในวันพุธ หลังจากที่ดัชนีหลักปรับตัวขึ้นเป็นช่วงที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่เพิ่มสูงขึ้นช่วยหนุนกลุ่มการเงินรายใหญ่ ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นหลังเวลาทำการ หลังประกาศรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 อย่างแข็งแกร่ง

• ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 273.38 จุดหรือ 0.8% สู่ 35,405.24 S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.7% เป็น 4,546.54
• Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.7% เป็น 14,346

หุ้นธนาคาร ปรับตัวดีขึ้นมากที่สุดเนื่องจาก JPMorgan Chase & Co (NYSE:JPM) เพิ่มขึ้น 1.72%, Citizens Financial Group Inc (NYSE:CFG) เพิ่มขึ้น 2.88% Bank of America Corp (NYSE:BAC) เพิ่มขึ้น 1.73%, Citigroup Inc (NYSE:C) เพิ่มขึ้น 2.21%, Wells Fargo & Company (NYSE:WFC ) เพิ่มขึ้น 3.35% และ Morgan Stanley (NYSE:MS) เพิ่มขึ้น 2.49%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ก็ทำผลงานโดยรวมสูงขึ้นเช่นกันเมื่อ sq เพิ่มขึ้น 4.35%, Amazon.com Inc (NASDAQ:AMZN) เพิ่มขึ้น 1.08%, Meta Platforms Inc (NASDAQ:FB) เพิ่มขึ้น 1.83% และ Netflix Inc (NASDAQ:NFLX) ดีดตัวขึ้น 7.02%

นักลงทุนได้ช้อนซื้อหุ้นเทคโนโลยีราคาถูก จากรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ออกมาแข็งแกร่ง Google (NASDAQ:GOOGL) เพิ่มขึ้น 8.69% ตามมาด้วย ผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ที่ออกมาดีเกินคาด โดยกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 30.69 ดอลลาร์ เทียบกับคาดการณ์ที่ 27.34 ดอลลาร์ ขณะที่การเติบโตของรายได้รายงานที่ 32% จากกำไร 75.33 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับที่คาดไว้ที่ 72.17 พันล้านดอลลาร์ตามข้อมูลจาก Refinitiv

Advanced Micro Devices Inc (NASDAQ:AMD) เพิ่มขึ้น 9% หลังเลิกงานหลังจากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง บริษัท รายงานผลประกอบการ กำไรต่อหุ้น 92 เซนต์เทียบกับที่คาดไว้ 76 เซนต์ ขณะที่รายรับอยู่ที่ 4.83 พันล้านดอลลาร์เทียบกับที่คาดไว้ 4.53 พันล้านดอลลาร์ตาม Refinitiv AMD ยังได้ออกเผยแผนผลประกอบการรายได้ที่แข็งแกร่งสำหรับไตรมาสแรกและตลอดทั้งปี

PayPal Holdings Inc (NASDAQ:PYPL) พุ่งขึ้น 17.52% หลัง รายงานผลประกอบการ ออกมาเหนือความคาดหมายสำหรับไตรมาสที่สี่

Starbucks Corporation (NASDAQ:SBUX) ร่วงลง 1.02% หลังจาก รายงานผลประกอบการ รายไตรมาสต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ กำไรต่อหุ้นมาที่ 72 เซ็นต์เทียบกับคาดการณ์ที่ 80 เซ็นต์ ขณะที่รายรับประมาณการอยู่ที่ 8.05 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ 7.95 พันล้านดอลลาร์

นักลงทุนจะให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับปฏิทินผลประกอบการในขณะที่ฤดูกาลรายงานยังคงดำเนินต่อไป โดยบริษัทชื่อดังอย่าง Meta Platforms, T-Mobile US Inc (NASDAQ:TMUS) และ Qualcomm Incorporated (NASDAQ:{{6376|QCOM} }) กำหนดให้ปล่อยตัวเลขในภายหลังเช่นกัน

ส่วนตลาดตราสารหนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ 1.796%

อ้างอิง: th.investing.com/

ดอลลาร์อ่อนค่า เจอแรงกดดันจากตลาดหุ้น หลัง Google ทำผลงานได้ดี

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงในวันพุธ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นในตลาดทุนทั่วโลกได้กระตุ้นความเชื่อมั่นในความเสี่ยง ขณะที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้คาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

เมื่อเวลา 3:15 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (0815 GMT) ดัชนีดอลลาร์ซึ่งติดตามดอลลาร์เทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ อีก 6 สกุล ขยับขึ้น 0.2% ที่ต่ำลงเป็น 96.135 ถอยจากระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือนที่ 97.441 เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว

ค่าเงินดอลลาร์ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นทรัพย์สินหลบภัยในยามที่ตลาดเกิดความกังวล ได้เห็นการเทขายในวันพุธ หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น โดยได้รับแรงหนุนที่แข็งแกร่งจาก Alphabet (NASDAQ:GOOGL) ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี

สกุลเงินที่อ่อนไหวต่อความเสี่ยง เช่น ดอลลาร์ออสเตรเลีย ได้รับประโยชน์ โดย AUD/USD เพิ่มขึ้น 0.1% เป็น 0.7135 ในขณะที่ EUR/USD ได้รับ 0.1% เป็น 1.1275 ก่อนการเปิดตัว ตัวเลข CPI ประจำปีของยูโรโซนในเดือนมกราคม

นอกจากนี้ สิ่งที่ถ่วงค่าเงินดอลลาร์ลงยังเป็นการเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่เฟดเมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อลดความคาดหมายว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 50 จุดในเดือนมีนาคม แม้อัตราเงินเฟ้อจะสูงสุดในรอบ 40 ปี นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แห่งเซนต์หลุยส์ ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผู้กำหนดนโยบายของเฟดที่ชื่นชอบนโยบายโทน hawkish กล่าวเมื่อวันอังคารว่า เขาต้องการเห็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในการประชุมเดือนมีนาคม พฤษภาคม และมิถุนายนของเฟด แต่เขาไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะเริ่มต้นด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครึ่งเปอร์เซ็นต์ในเดือนมีนาคม โดยกล่าวว่าตลาดต่าง ๆ ได้เริ่มที่จะผลักดันต้นทุนการกู้ยืมแล้ว

นอกจากนี้ เอสเธอร์ จอร์จ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แห่งแคนซัสซิตี้ กล่าวว่าธนาคารกลางควรระมัดระวังและอาจดำเนินการเชิงรุกน้อยลงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยการย่องบดุลให้แข็งแกร่งขึ้น ผู้ค้าจะจับตาดูการเปิดตัวของ การเปลี่ยนแปลงในการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรมจากเอดีพี เวลา 8:15 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1315 GMT) ก่อนการประกาศอย่างเป็นทางการรายเดือนของวันศุกร์ รายงานการจ้างงาน การเติบโตของการจ้างงานภาคเอกชนมีแนวโน้มว่าจะชะลอตัวลงเป็น 207,000 ตำแหน่งในเดือนมกราคม หลังจากทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 เดือนในเดือนธันวาคม ซึ่งเพิ่มขึ้น 807,000 ตำแหน่ง

ด้าน GBP/USD เพิ่มขึ้น 0.1% มาที่ 1.3539 โดยค่าเงินปอนด์ยังคงแข็งค่าขึ้นก่อนหน้าการประชุม ธนาคารกลางอังกฤษ ในวันพฤหัสบดี ซึ่งมีการปรับขึ้นครั้งที่สองในเวลาไม่ถึงสองเดือน

USD/JPY ลดลง 0.1% มาที่ 114.56 โดยขยับลงจากจุดสูงสุดในสัปดาห์ที่แล้วที่ 115.68 ขณะที่ USD/CNY ทรงตัวที่ 6.3610

ค่าเงินบาท ยังทรงตัวอยู่ที่ 33.200 บาทต่อดอลาร์สหรัฐ

อ้างอิง: th.investing.com/

ทองคำ COMEX ปิดบวก 5.10 ดอลล์ วิกฤตยูเครนหนุนแรงซื้อ

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันอังคาร (1 ม.ค.) ราคาทองดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน ยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 5.10 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,801.50 ดอลลาร์/ออนซ์

• สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 22.595 ดอลลาร์/ออนซ์
• สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 2.4 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,023.20 ดอลลาร์/ออนซ์
• สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 9.30 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 2,346.50 ดอลลาร์/ออนซ์
• นักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความขัดแยังระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกในประเด็นยูเครน โดยรายงานระบุว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังหารือกับชาติพันธมิตรในยุโรปตะวันออกเกี่ยวกับการส่งทหารอเมริกันไปประจำการในพื้นที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาติพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในช่วงเวลาที่รัสเซียกำลังสะสมกองกำลังทหารตามแนวชายแดนยูเครน

นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังช่วยให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.28% แตะที่ 96.27 เมื่อคืนนี้
อย่างไรก็ดี บรรยากาศการซื้อขายตลาดทองคำยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทอง เนื่องจากทองเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 178,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%

อ้างอิง: thansettakij.com/