
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง ตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี

ฟิวเจอร์สของหุ้นสหรัฐยังคงเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงต้นของวันศุกร์นี้ หลังจากที่ดัชนีหลักกลับมาปรับตัวลดลงในวันพฤหัสบดี โดยค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขาดทุนติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 เนื่องจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียยังคงดำเนินต่อไป
ในช่วงเซสชั่นของวันพฤหัสบดี
- ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 112.18 จุดมาอยู่ที่ 33,174.07 จุด S&P 500 ร่วงลง 0.4% มาอยู่ที่ 4,259.52
- NASDAQ Composite ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่มด้านเทคโนโลยีลดลง 1% มาอยู่ที่ 13,129.96
- ตลาดตราสารหนี้ อัตราพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี อยู่ที่ 1.993%
ในบรรดาหุ้นต่าง ๆ บริษัทเทคโนโลยีที่มีความอ่อนไหวต่อความเสี่ยงกลับมาปรับตัวลดลง โดย Block Inc (NYSE:SQ) ลดลง 2.73%, Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT) ลดลง 1.01%, Meta Platforms Inc ( NASDAQ:FB) ลดลง 1.66%, Apple Inc (NASDAQ:AAPL) ลดลง 2.72% และ Alphabet Inc (NASDAQ:GOOGL) ลดลง 0.74%
ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ลดลงเช่นกัน โดย Tesla Inc (NASDAQ:TSLA) ลดลง 2.41% และ Lucid Group Inc (NASDAQ:LCID) ลดลง 4.16%
ภาคการเงินรายใหญ่ปิดตัวต่ำลง JPMorgan Chase & Co (NYSE:JPM) ลดลง 1.18%, Citizens Financial Group Inc (NYSE:CFG) ลดลง 1.19%, Bank of America Corp ( NYSE:BAC) ลดลง 0.9% Citigroup Inc (NYSE:C) ลดลง 1.91% Wells Fargo & Company (NYSE:WFC) ลดลง 0.31% Morgan Stanley (NYSE:MS) ลดลง 1.76% และ Goldman Sachs Group Inc (NYSE:GS) ลดลง 1.11%
ทางด้านข้อมูล รายงานการจ้างงาน ของเมื่อวานเปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภคพุ่งขึ้น 7.9% ในเดือนกุมภาพันธ์สู่ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี โดยเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.7%
อ้างอิง: th.investing.com/
หุ้นเอเชียร่วง เงินเฟ้อยังคงเป็น “ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุด”

หุ้นเอเชียแปซิฟิกร่วงลงในเช้าวันศุกร์ โดยหุ้นจีนในสหรัฐฯ ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 14 ปี นักลงทุนยังได้วิเคราะห์ข้อมูลที่แสดงถึงอัตราเงินเฟ้อสูงสุดของสหรัฐในรอบ 40 ปี ซึ่งทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐสูงขึ้น และการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนั้นก็สูงขึ้นด้วย
- นิคเคอิ 225 ของญี่ปุ่น ลดลง 2.28% เมื่อเวลา 21:55 น. ET (2:55 น. GMT) ข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อต้นวันแสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายของครัวเรือนเพิ่มขึ้น 6.9% เมื่อ เปรียบเทียบรายเดือน แต่หดตัว 1.2% เมื่อ เปรียบเทียบรายปี ในเดือนมกราคม 2022 ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (BSI) ต่อ ดัชนีภาวะอุตสาหกรรมภาคการผลิตขนาดใหญ่ สำหรับไตรมาสแรกอยู่ที่ -7.6
- KOSPI ของเกาหลีใต้ลดลง 1.04%
- ASX 200 ของออสเตรเลียร่วงลง 0.83% โดยนายฟิลิป โลว์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียกล่าวแถลงเมื่อต้นวัน อีกด้านของข้อมูล ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคธุรกิจของนิวซีแลนด์ อยู่ที่ 53.6 ในเดือนกุมภาพันธ์
- ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงร่วง 3.23%
- เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ของจีนลดลง 1.59%
- ดัชนีส่วนประกอบ SZSE ลดลง 1.51%
- ดัชนี Nasdaq Golden Dragon China หุ้นจีนที่ซื้อขายในสหรัฐฯ ร่วงลง 10% ในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2008 การเทขายครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ แจ้งกับบริษัทจีน 5 แห่งที่อาจอาจถูกเพิกถอนหากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการตรวจสอบบางประการ
ข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ (CPI) เพิ่มขึ้น 7.9% เทียบเป็นรายปี และ 0.8% เทียบเป็นรายเดือน ในเดือนกุมภาพันธ์ CPI หลักเพิ่มขึ้น 0.5% เทียบเป็นรายเดือน และ 6.4% เทียบเป็นรายปี
ในขณะที่ข้อมูลต่างๆ อยู่ในความคาดหวังนั้นได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการที่เกิดขาขึ้นในตลาดต่างๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ เช่นตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งอาจนำไปสู่การดำเนินการที่เฉียบขาดมากขึ้นจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อได้รับการตัดสินใจด้านนโยบายในวันที่ 16 มีนาคม
“ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดคือเงินเฟ้อ” ฟิโอนา ซินคอตตา นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ City Index กล่าวกับรอยเตอร์ส “แม้ว่าธนาคารกลางจะพยายามเร่งให้เกิดความเข้มงวดให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในช่วงครึ่งปีแรก แต่ฉันคิดว่าหากมองให้ไกลกว่านี้ พวกเขาจะลำบากถ้าการเติบโตเริ่มได้รับผลกระทบจริงๆ”
ธนาคารกลางยุโรปคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0% เนื่องจากได้ส่งมอบ การตัดสินใจด้านนโยบาย ในวันพฤหัสบดี อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางได้เร่งดำเนินการยุติมาตรการการกระตุ้นทางการเงินอย่างมันัยยะสำคัญ โดยส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางให้ความสำคัญกับอัตราเงินเฟ้อในระดับสูงมากกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ทรงตัวหลังจากไต่ระดับเหนือ 2% และอายุ 30 ปีแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2021 แรงกดดันจากเงินเฟ้อกำลังเพิ่มความตึงเครียดให้กับตลาดโลก และในการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนเพื่อยุติความขัดแย้งที่เกิดจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์นั้นก็มีความหวังเพียงน้อยนิด ในขณะเดียวกัน JPMorgan Chase & Co. (NYSE:JPM) เป็นกลุ่มบริษัทล่าสุดที่ถอนตัวออกจากรัสเซีย
อ้างอิง: th.investing.com/
ดอลลาร์ขึ้นในขณะที่ความขัดแย้งในยูเครนยังคงกระทบยูโร

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในเช้าวันศุกร์ในตลาดเอเชีย แตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 5 ปีจากเงินเยนหลังจากรายงานอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ พบว่าตัวเลขเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 40 ปี เงินยูโรพยายามครองตำแหน่งเดิมของตัวเองไว้ด้วยข้อมูลจากการเปลี่ยนแปลงที่แข็งกร้าวและรวดเร็วจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ชดเชยโดยความเสี่ยงของการเติบโตจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
- ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ติดตามค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับกลุ่มสกุลเงินอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 0.02% เป็น 98.520 เมื่อเวลา 22:43 น. ET (3:43 น. GMT)
- ค่าเงินเยน เพิ่มขึ้น 0.29% สู่ระดับ 116.47 โดยดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 1.3% จากเงินเยนในสัปดาห์นี้
- ดอลลาร์ออสเตรเลีย ลดลง 0.23% มาอยู่ที่ 0.7340 และ ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ลดลง 0.15% มาอยู่ที่ 0.6852 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของภาคธุกิจนิวซีแลนด์ อยู่ที่ 53.6 ในเดือนกุมภาพันธ์
- ค่าเงินหยวน เพิ่มขึ้น 0.05% เป็น 6.3248 และ ค่าเงินปอนด์ ขยับขึ้น 0.04% เป็น 1.3089
- ค่าเงินบาท อ่อนค่าอย่างรุนแรงหลังถูกดอลลาร์ที่แข็งค่ากดดัน ที่ 33.275 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ (CPI) เพิ่มขึ้น 7.9% เทียบเป็นรายปี และ 0.8% เทียบเป็นรายเดือน ในเดือนกุมภาพันธ์ CPI หลักเพิ่มขึ้น 0.5% เทียบเป็นรายเดือน และ 6.4% เทียบเป็นรายปี
ข้อมูล CPI “โดยพื้นฐานแล้วบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ แต่ก็ยังมีข้อบ่งชี้ว่าพวกเขาจะยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างน้อยก็ในขั้นต้น” โรดริโก คาทริลล์ นักยุทธศาสตร์ด้านสกุลเงินแห่งชาติของออสเตรเลียกล่าวกับรอยเตอร์ส
เฟด และ ธนาคารแห่งญี่ปุ่น จะส่งมอบการตัดสินใจด้านนโยบายในสัปดาห์หน้า ในขณะที่เฟดได้รับการคาดหมายอย่างกว้างขวางว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่คู่สัญญาของญี่ปุ่นก็ยังเลือกที่จะคงท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งเงินปอนด์และเงินยูโรรู้สึกถึงผลกระทบของความขัดแย้งในยูเครนและผลลัพท์ที่เพิ่มขึ้นของสินค้าโภคภัณฑ์
การซื้อขายเงินยูโรล่าสุดอยู่ที่ 1.1010 ดอลลาร์หลังจากผันผวนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ลดลงและปิดที่ 0.8% “ยิ่งมีข้อความที่แสดงถึงความก้าวร้าวของนโยบายจาก ECB มากเท่าไหร่ ก็จะมีแรงกดดันต่อค่าเงินยูโรเพิ่มขึ้นชั่วคราว แต่จะคงอยู่เพียงระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งเป็นการบอกคุณว่าการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ กำลังแทนที่การพิจารณาใด ๆ ที่ ECB อาจทำ รวมถึงข่าวที่มาจากยูเครน” คาทริลล์ กล่าว
ซึ่งเขาได้กล่าวอ้างถึงการที่ ECB ส่งมอบ การตัดสินใจนโยบาย ในวันพฤหัสบดี ที่ได้คงที่อัตราดอกเบี้ยที่ 0% แต่กล่าวว่าธนาคารกลางจะยุติการกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสที่สาม การตัดสินใจยังทําให้มีความเป็นไปได้ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปี 2022
นอกจากนี้ ECB ยังปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของทั้งปี 2022 และ 2023 ลงอย่างพอประมาณ ในขณะที่เพิ่มความคาดหวังด้านอัตราเงินเฟ้อ คริสตีน ลาการ์เด ประธานาธิบดี ECB ยังเรียกความขัดแย้งในยูเครนว่าเป็น “ลุ่มน้ำสําหรับยุโรป” ที่จะช่วยเพิ่มอัตราเงินเฟ้อ แต่ลดการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันการเจรจาระหว่าง ดิมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน และ เซอร์เก ลาฟลอฟ ของรัสเซียเมื่อวันพฤหัสบดีนั้นเป็นไปอย่างน่าผิดหวังที่ผลของการเจรจาในการยุติสงครามนั้นมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย
อ้างอิง: th.investing.com/
ราคาน้ำมันลง คาดการณ์ว่าจะร่วงรายสัปดาห์เนื่องจากความกังวลยังมีต่อเนื่อง

ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในเช้าวันศุกร์ในตลาดเอเชีย ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวลดลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 แต่กลับมาขาดทุนบางส่วน ความผันผวนของตลาดยังดำเนินต่อไปเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซียมากกว่าความพยายามในการเพิ่มอุปทานผ่านผู้ผลิตรายใหญ่รายอื่น
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ ลดลง 0.73% มาที่ 108.53 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 00:39 น. ET (5:39 น. GMT) หลังจากที่ร่วงลง 1.6% ในช่วงก่อนหน้า
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.30% เป็น 105.70 ดอลลาร์ หลังจากที่ลดลง 2.5% ในวันพฤหัสบดี
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ถูกกำหนดให้ร่วงลงทุกสัปดาห์ประมาณ 7% หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีที่ 139.13 ดอลลาร์ ในขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงราว 8% หลังจากแตะระดับสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์ น้ำมันดิบกำลังปิดท้ายสัปดาห์ที่ผันผวน โดยสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรต้องการห้ามการนำเข้าน้ำมันของรัสเซียในช่วงต้นสัปดาห์และลอยตัวเพื่อรอดูศักยภาพการเพิ่มอุปทานจากอิหร่าน เวเนซุเอลา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรให้รุนแรงขึ้นสำหรับรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาน้ำมันคลี่คลายลงหลังจากที่สหภาพยุโรปซึ่งพึ่งพาอุปทานจากรัสเซียเป็นอย่างมากดูเหมือนจะไม่เข้าร่วมการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร รัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากซาอุดิอาระเบีย และ “ตลาดน้ำมันไม่พร้อมที่จะเผชิญกับอุปทานที่ตกต่ำเนื่องจากน้ำมันคงคลังเหลืออยู่ในระดับต่ำมากในรอบหลายปี” นักวิเคราะห์จาก ANZ Research กล่าวในรายงาน
ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ช่องว่างของอุปทานไม่น่าจะถูกเติมเต็มด้วยการเพิ่มผลผลิตพิเศษจากสมาชิกขององค์การรหว่างประเทศและพันธมิตรผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC+) เนื่องจากรัสเซียเป็นสมาชิกของกลุ่มพันธมิตร วิเวก ดาห์ นักวิเคราะห์ของธนาคาร Commonwealth กล่าวกับรอยเตอรส์ “กำลังของการผลิตน้ำมันนั้นเชื่อมโยงกับโครงสร้างทางการเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้” เขากล่าวเสริม
ผู้ผลิตรายอื่นของ OPEC+ รวมถึงแองโกลาและไนจีเรีย ต่างพยายามดิ้นรนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายกำลังผลิต สิ่งนี้ยังจำกัดความสามารถของ OPEC+ ในการชดเชยการสูญเสียน้ำมันดิบของรัสเซีย สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์จะซื้อขายเฉลี่ย 110 ดอลลาร์ในไตรมาสที่สองและสามของปี 2022 แต่อาจไต่ระดับสูงถึง 150 ดอลลาร์ในระยะสั้นได ้ธนาคาร Commonwealth ได้คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม “ด้วยความที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ยังไม่แน่นอนจึงเป็นการยากที่จะแสดงความคิดเห็นออกมา” วิเวก ดาห์ กล่าว
อ้างอิง: th.investing.com/
IMF คาดรัสเซียเจอแรงกดดันให้ยุติสงครามในยูเครนเพิ่มขึ้น หลังกระทบศก.โลก

นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่า รัสเซียจะเจอแรงกดดันให้ยุติสงครามในยูเครนเพิ่มขึ้น หลังนานาประเทศได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามดังกล่าว
นางจอร์เจียวากล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ “Closing Bell” ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีเมื่อวานนี้ (10 มี.ค.) ว่า เธอได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจีนเมื่อวันพุธ (9 มี.ค.) ซึ่งแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อความสูญเสียและความทุกข์ยากของผู้คนในยูเครน
นางจอร์เจียวาเปิดเผยว่า IMF มีแนวโน้มที่จะปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปีนี้ เนื่องด้วยผลกระทบจากสงคราม ตลอดจนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างเข้มข้น อย่างไรก็ดี IMF ยังคงมองว่าเศรษฐกิจโลกเดินหน้าไปในทิศทางบวก
สำหรับรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจที่มีการเผยแพร่เมื่อเดือนม.ค. ที่ผ่านมานั้น IMF ประเมินว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 4.4% ในปี 2565 ซึ่งปรับตัวลงเล็กน้อยจากระดับ 5.9% ในปี 2563 แต่ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ใหม่อย่างเป็นทางการ
อนึ่ง การที่รัสเซียบุกยูเครนนั้นได้สร้างผลกระทบในเชิงลบหลายประการด้วยกัน ซึ่งรวมถึงการผลักดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้น และมีแนวโน้มที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง
อ้างอิง: ryt9.com/